ทะเลกระบี่

สมุดบันทึกหน้าต่อไปนี้ผมอยากขอนำเสนอ การสเก็ตช์ภาพในการเดินทางท่องเที่ยวที่เราต้องไปเป็นหมู่คณะและมีเวลาอย่างจำกัด ซึ่งเพื่อนๆ ชาว Sketchland yard หลายคนคงชำนาญหรือคุ้นเคยกับการสเก็ตช์ในสถานการณ์ลักษณะนี้กันดีอยู่แล้ว ส่วนท่านที่ยังไม่เคยลองก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนหรือแบ่งปันกันนะครับ

เนื่องจากในวันที่ 22-24 เมษา ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปสัมมนาฯ ที่ จ. กระบี่ ซึ่งจะว่าไปแล้วตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่ภาคใต้ได้ 2 ปี ก็มีโอกาสได้ไปกระบี่มา 4-5 ครั้งแล้ว แต่การสัมมนาฯ ครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เพราะในวันที่ 23 มีโปรแกรมทัศนศึกษานั่งเรือชมหมู่เกาะระบุไว้ด้วย ผมเลยมีความหวังที่จะได้บันทึกภาพเกาะแก่งต่างๆ ของทะเลกระบี่ลงในสมุดเล่มนี้ขึ้นมาทันที เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่จะได้ลงเรือในทะเลกระบี่ครับ

K01

22 เมษา 57 เดินทางถึงที่พักโรงแรม พีซ ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา ประมาณสิบโมงกว่า จากนั้นก็เป็นการสัมมนาฯ (จนถึง 2 ทุ่มครึ่งกันเลยทีเดียว) แต่ในช่วงหลังจากพักรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ประมาณ 18.45 น. ก่อนเข้าห้องสัมมนาตอนหนึ่งทุ่ม ยังพอมีเวลาและแสงสว่างพอ ภูเขาหินปูนที่เป็นหน้าผาสูงตระหง่านฉากหลังของโรงแรม(น่าจะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยก็ว่าได้) ซึ่งผมเล็งไว้แล้วตั้งแต่มาถึง ได้ถูกบันทึกลงในหน้ากระดาษเป็นภาพแรก ด้วยลายเส้นปากกาเขี่ยๆ ตวัดขยุกขยิกแข่งกับแสงและเวลาอย่างเร่งรีบเพราะต้องเข้าสัมมนาฯ ต่อ ดังนั้นการสเก็ตช์ในสถานการณ์เช่นนี้ เราจำเป็นที่จะต้องรู้จักปล่อยวาง จับเอาแต่ลักษณะสำคัญ ตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ต้องคงความเป็นจริงของสถานที่ไว้ให้มากที่สุด เพราะเราคงไม่สามารถบันทึกทุกอย่างตามที่เห็นได้ครบถ้วนภายในเวลาอันรวดเร็วเหมือนกล้องถ่ายรูปครับ…ภาพแรกได้แค่ลายเส้นครับ พอได้จดจำว่าเป็นที่ไหน…ไปล่ะครับ สัมมนาฯ ต่อ..

23 เมษา 57 เก้าโมงเช้าเดินทางออกจากที่พักด้วยรถที่มารับไปลงเรือแถวบริเวณหาดนพรัตน์ธารา โชคดีครับที่เรือของคณะเราเป็นเรือที่มีชั้นดาดฟ้าให้นั่งได้ ผมจึงไม่ลังเลที่จะขึ้นไปนั่งรับลมชมวิวและแดดร้อนๆ บนนั้น(อันหลังนี่ไม่ชอบเท่าไหร่แต่เลี่ยงไม่ได้ครับ) เมื่อเรือเริ่มออกสู่ท้องทะเล ผ่านเกาะแก่งน้อยใหญ่ต่างๆ ผมก็ได้แต่กดชัตเตอร์บันทึกภาพด้วยกล้องถ่ายภาพให้ได้มากที่สุด เพราะมองทางไหนก็สวยงามทั้งนั้นเลย และที่สำคัญไม่รู้จะพอมีเวลาสำหรับการสเก็ตช์รึเปล่า? ….จากนั้นเรือก็มาจอดทอดสมอที่เกาะปอดะเป็นที่แรก ทุกคนในคณะต่างก็ลงไปเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็เดินชมทัศนียภาพและถ่ายภาพประทับใจไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งผมก็เช่นกันเมือถ่ายภาพเป็นที่พอใจแล้วก็ลงไปเล่นน้ำทะเลให้หายร้อนบ้าง ไม่อย่างงั้นจะถือว่ามาไม่ถึงครับ…
K02 K03 K04 K05 K06

หลังจากหลังจากเล่นน้ำทะเลจนเป็นที่พอใจแล้ว ผมก็กลับมานั่งรอชาวคณะคนอื่นๆบนดาดฟ้าเรือเช่นเดิม ใกล้เวลาเรือออกเดินทางต่อแล้ว คิดว่าห้านาที สิบนาที น่าจะพอมีเวลาบ้างก็เลยกางสมุดสเก็ตช์ออกมาแล้วกระซวกเลยครับ..เวลาแค่นี้กับมุมมองความสวยงามที่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น เกาะแก่ง น้ำทะเล เรือ หรือผู้คนที่มานักท่องเที่ยว มันสวยไปหมด สวยจนทำให้ผมลนลาน อยากจะบันทึกทุกอย่างที่เห็นอยู่เบื้องหน้า แต่คงทำไม่ได้ ดังนั้นมันต้องกระซวก กระซวกอย่างเดียวครับ กระซวกจริงๆ ถึงจะเก็บภาพให้ได้ทันและมากที่สุด แต่เพราะช่วงเวลาอันเร่งรีบนั้นผมเลยได้ภาพลายเส้นปากกาเกาะปอดะ แค่ 2 ภาพเท่านั้นเอง คนขึ้นเรือครบแล้ว เรือกำลังจะออก….แต่ อ้าว!! ซะงั้น เรือสตาร์ทไม่ติดครับ ในขณะที่คนขับเรือพยายามสตาร์ทเครื่องเรืออยู่ ก็เลยยังพอมีเวลา เสร็จผมล่ะทีนี้เอากล่องสีน้ำออกมา บีบน้ำจากพู่กันแท้งค์ลงไป แล้วจ้วงทันที…..เลยลงสีเสร็จไปหนึ่งรูปครับทันเรือออกพอดี 555+…..แล้วพี่ที่นั่งข้างๆ ด้วยกันบนดาดฟ้าเรือขอให้สเกตช์ภาพแกดูบ้าง เลยจัดไปหนึ่งภาพ การสเก็ตช์ภาพเหมือนบนดาดฟ้าเรือขณะที่กำลังล่องไปในทะเลก็ได้ตามที่เห็นนี่แหละครับ..
K07

K08

จากนั้นเรือก็มาหยุดอีกทีที่ทะเลแหวกครับ ที่นี่เราได้ข้าวกล่องเป็นมื้อกลางวัน พอจัดการเรื่องอาหารเสร็จก็มีเวลาให้ชื่นชมทะเลตามอัธยาศัยของแต่ละคน ส่วนผมพอบันทึกภาพด้วยกล้องถ่ายรูปจนที่พอใจแล้วเลยลงจากเรือหาร่มไม้ที่มีมุมมองเหมาะๆ สเก็ตช์ภาพอีกสักรูปครับ ภาพต่อมาที่ได้จึงเป็นภาพมุมกว้างในสมุดหน้าคู่ครับ เพราะอยากเก็บบรรยากาศของทะเลแหวกเอาไว้ให้มากที่สุด..แต่ที่สำคัญคือ มีเวลาเพียงชั่วเคี้ยวหมากแหลก เราจักทำเยี่ยงไรได้เล่านอกจากกระซวกอีกตามเคย…ถ้าสังเกตตามภาพจะเห็นได้ว่ามีลายเส้นปากการ่างไว้เพียงไม่กี่เส้นแทบจะนับได้เลย…ผมลากเส้นไว้เพียงแค่เป็นโครงคร่าวๆ เพื่อกำหนดขอบเขตในการลงสีน้ำครับ เพราะประทับใจในสีสันของท้องฟ้า โขดหินและน้ำทะเลเหลือเกิน ภาพนี้ไม่ได้ใช้พู่กันแท้งค์นะครับแต่เป็นพู่กันมาสเตอร์อาร์ตด้ามสีเขียวธรรมดาๆ ที่พกติดย่ามมาด้วย(ไม่กล้าเอาของแพงกว่านี้มาเพราะกลัวหล่นหาย) เลยลงสีแบบเปียกบนเปียกและละเลงพื้นที่ได้กว้างขึ้น ส่วนน้ำผสมสีก็ได้จากขวดน้ำดื่มที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้อย่างเกลื่อนกราดในบริเวณร่มไม้ที่ผมนั่งนั่นแหละครับผมก็งงอยู่ว่าแล้วใครจะเป็นคนเก็บ เห็นแล้วน่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง…น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถเก็บขึ้นมาทิ้งบนฝั่งได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยขวดที่ผมตัดมาเป็นกระบอกใส่น้ำผสมสีก็เก็บขึ้นมาด้วยครับจะได้ทิ้งลงขยะ ..

K09

K10

K11

หลังจากนั้นเรือก็ล่องอ้อมหมู่เกาะต่างๆ ที่เห็นได้ชัดน่าจะเป็นเกาะไก่..แต่ผมมองเหมือนไดโนเสาร์นะ หรือบางมุมก็เหมือนอูฐซะมากกว่า 555 ….แล้วก็มาหยุดให้ดำน้ำดูปะการังที่อีกด้านหนึ่งของทะเลแหวก…ตรงนี้ไม่ได้สเก็ตช์ครับ จนเรือมาหยุดที่อ่าวพระนางครับ ที่นี่คนเยอะมากผมจึงไม่ลงจากเรือ ขอนั่ง สเก็ตช์ภาพดีกว่า ที่นี่เลยได้สองภาพครับ ภาพแรกลงสี ภาพต่อมาลงแค่ลายเส้น เพราะกะไว้แล้วเวลาไม่พอลงสีแน่นอน…เวลาในการเขียนก็ไม่ต่างกับภาพที่ผ่านๆ มาเลยไม่ขอบรรยายอีกนะครับ ได้ภาพตามที่เห็น…จากนั้นเรือก็นำพาพวกเรากลับเข้าสู่ฝั่งที่หาดอ่าวนางโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบช่วงเวลาของการพักผ่อน…พรุ่งนี้ก็สัมมนาฯ ต่ออีกถึงบ่ายสามจึงจะเป็นอันเสร็จภารกิจครับ..

สรุปแล้ว วิธีสร้างภาพของผมก็คือ ต้องกล้าทำให้หน้ากระดาษขาวๆ มันเลอะด้วยเส้นปากกาก่อน ลากๆ ไปเถอะไม่ต้องกลัวผิด บรรยายสิ่งที่เห็นออกมาเป็นภาพบันทึกลงไปตามที่เราต้องการด้วยใจอิสระ แล้วหาวิธีจบมันให้ทันกับห้วงเวลาที่มีแค่นั้นเอง..

Comment

P_Chaisong

P_Chaisong

เป็นคนภาคอีสาน แต่มาทำงานและใช้ชีวิตอยู่ภาคใต้ ชอบบันทึกความทรงจำด้วยการสเก็ตช์ภาพ ชอบดูภาพที่คนอื่นสเก็ตช์ และมีความสุขที่ได้เห็นหลายๆ คนรักการสเก็ตช์ภาพ ชอบความสงบงามตามมวิถีแห่งชนบท ธรรมชาติคือแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของการสร้างสรรค์

https://www.facebook.com/boonie.hat.9

2 responses to “ทะเลกระบี่”

  1. Wisit Ku says:

    งามครับงาม กระซวกซะสะใจเลย ชอบภาพสุดท้ายมากครับ พอดิบพอดีสุดๆ

  2. เข้าใจความรู้สึกเลยครับ..เวลาที่เราเห็นของที่อยากวาดเต็มไปหมดแล้วเวลามีจำกัดนี่…ต้องใช้คำว่ากระซวกจริงๆครับ…ชอบภาพสุดท้ายเหมือนกันครับ…

Leave a Reply to Wisit Ku Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *