Tag: Platinum

เรียกข้าว่า ปี่เซียะ

สัปดาห์ก่อนกลับบ้านที่เชียงราย เดินเข้ามาในบ้านก็เจอสิ่งนี้วางอยู่บนโต๊ะ ผมก็ไม่รู้จักแหะว่าคืออะไรนึกว่าที่ทับกระดาษก็เลยไม่ได้สนใจ นอนเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย

web1

วันรุ่งขึ้นตื่นมาตอนเช้าเห็นวางอยู่บนโต๊ะอีกแล้วแต่คราวนี้จ้องเขม็งมาที่ผม ผมก็เลยถามแม่ว่า “แม่จ๋าแม่ๆ ไอตัวนี้มันคืออะไรครับ?” เลยได้รู้ว่าสิ่งนี้ชื่อว่า “ปี่เซียะ” เป็นวัตถุมงคลต้องมีการบูชาด้วยนะแต่ที่บ้านยังบูชากันไม่เป็นเลยเอามาวางบนโต๊ะเท่ๆ ไว้ก่อน

ผมก็เลยลองหาข้อมูลใน wiki ดูเลยได้รู้ว่าปี่เซียะนั้นเป็นสัตว์ประหลาดตามความเชื่อของจีนมาแต่โบราณ เชื่อว่า “ปี่เซียะ มีรูปร่างและเขาคล้ายกวาง แต่มีปีกคล้ายนก และมีส่วนหางคล้ายแมว เป็นสัตว์สี่ขา และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ได้ เชื่อว่าถูกแบ่งเป็นตัวผู้ชื่อ ปี่ (貔) และ ตัวเมียชื่อ เซียะ (貅)” <- อันนี้ก็อปวิกิมาทั้งดุ้นเลย แถมยังบอกว่าปี่เซียะเป็นลูกตัวที่ 9 ของมังกร เป็นสัตว์กินเก่งแต่ไม่มีรูตูดเลยขี้ไม่ได้(เห้ย เค้าเขียนอย่างนี้จริงๆ นะไปอ่านได้) โดยปี่เซียะนั้นสื่อความหมายถึงความกล้าหาญ การปกป้องคุ้มภัยและการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งชัยชนะ …แต่กินแล้วขี้ไม่ได้นี่อ่ะนะ มันแน่นตูด? -*-

อ้อ! อย่างนี้นี่เอง อันเนื่องมาจากการที่กินแล้วไม่ขี้นี่เอง เลยมีการตีเป็นสัญลักษณ์ถึง “การพิทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบัติ” ก็กินไม่ขี้ไง ทองเลยอยู่ครบในไส้เลย -..- ปัจจุบันเป็นของเคารพบูชาของนักพนันของนักเสี่ยงโชค ก็ในเมื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บเงินไง กาสิโนในจีนบางที่เลยเอามาตั้งหน้าทางเข้าเลย คือกะไม่ให้เอาเงินไปได้เลยว่างั้นเหอะ!

web2

พล่ามนานขอเข้าเรื่องสเก็ตช์หน่อย คือหยิบการะดาษโปสการ์ดแถวนั้นมาวาดด้นสดเลยแล้วก็ลงสีน้ำให้พอสวยงาม เอ้อ! ดูได้แหะ! เลยลองเอาไปวาดต่อในสมุดสเก็ตช์อีกเล่ม…กลายเป็นไม่สวยแหะ ตัวมันยาวๆ ยังไงไม่รู้ สงสัยตั้งใจเกินไปแหะ โฮฮฮฮ

อุปกรณ์: ปากกาลามี่, หมึก Platinum Carbon Black, สีน้ำ Winsor & Newton, สมุด Moleskine Sketchbook, โปสการ์ด(อันนี้นับมั้ย?)

อ่ะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://th.wikipedia.org/wiki/ปี่เซียะ

นั่งรอในรถคุณทำอะไร? ผมสเก็ตช์ครับ!

วันนี้มาส่งแฟนทำธุระครับ เห็นว่าน่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ขี้เกียจลงไปด้วยเลยรอในรถดีกว่า ทีแรกกะว่าจะงีบหลับหน่อยเพราะช่วงนี้ทำงานดึกมาก(ที่จริงเขียนบล็อก) แต่ไปๆ มาๆ ไม่เอาดีกว่า อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งทีขอสเก็ตช์หน่อยละกัน

ผมเคยเห็น sketcher ในต่างประเทศหลายท่านมักจะสเก็ตช์ภาพทั้งในรถไฟ รถบัส เครื่องบินหรือแม้กระทั่งรถยนต์ส่วนตัวมาแล้วซึ่งผมเห็นว่ามันเป็นหัวข้อในการสเก็ตช์ที่น่าสนใจมาก มันมีความท้าทายหลากข้ออยู่นะไม่ว่าจะเป็น รถมันกำลังเคลื่อนที่อยู่ สภาพแวดล้อมที่ไม่ชิล พื้นที่แคบ และหามุมมองที่น่าสนใจได้ยาก ซึ่งแน่นอนว่าหากเราสามารถข้ามผ่านทุกข้อนี้ได้ ภาพๆ นี้ก็จะต้องเป็นสเก็ตช์ที่สุดยอดแน่นอน …ผมจึงหาญกล้าขอใช้ฝีมืออันน้อยนิดลองเสียหน่อยครับ

car-raw

ผมเริ่มแรกโดยการวาดตัวสมุดก่อนครับจากนั้นจึงวาดขาและเสื้อของตัวเอง วาดไปวาดมาก็นึกขึ้นได้ เห้ย! ลืมวาดมือตัวเองเฟ้ย! เลยกลายเป็นว่าเหมือนเอาสมุดมาปิดปอนด์น้อยเลย T_T จากนั้นจึงเริ่มวาดขยายจากตัวเองออกไปรอบๆ วาดที่วางของด้านหน้า ลามไปฝั่งประตูแล้วก็แผงเครื่องเล่นซีดี สุดท้ายมาจบที่เกียร์ ผมมาคิดๆ ดูแล้วไอที่เราวาดนี่มันออกแนวมุมกว้างนี่หว่าคือตอนที่เรานั่งอยู่นรถนี่เราไม่สามารถเห็นมุมมองนี้ได้จากการมองไปด้านหน้าทางเดียว แต่มันเป็นการประกอบของมุมมองที่เรามองไปรอบๆ ด้วยนี่เอง สเก็ตช์ที่ได้มันเลยดูโค้งๆ นั่นเองครับ

car-web

วาดจนเสร็จแฟนก็กลับมาพอดีครับเลยเก็บไว้ลงสีต่อที่บ้าน คืนนั้นใช้เวลาลงสีไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้แต่ดีที่ผมถ่ายรูปมาด้วยเพราะไม่อย่างนั้นคงจำไม่ได้ว่าแสงและเงามันเป็นอย่างไร ซึ่งรูปที่ได้ก็อย่างที่เห็นครับ สนุกดีแหะ

ผมอยากเชิญชวนให้หลายๆ ท่านลองสเก็ตช์ภาพในรถดูนะครับ อาจจะเป็นรถบัส รถไฟฟ้า หรือจะบนเครื่องบินก็ได้ ผมว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และท้าทายดีนะครับ สเก็ตช์ไปแล้วก็เพลินดีด้วยครับ ลองดูๆ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newtonwaterbrush ของ Pentel

สเก็ตช์มุมหนึ่งในบ้าน…เคาเตอร์ห้องครัวที่ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของมัน

เคาเตอร์หน้าห้องครัวเป็นมุมนึงของบ้านที่คุ้นตามาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กแล้วล่ะครับ ถึงแม้ว่าตอนแรกจะออกแบบให้ตรงส่วนนี้สามารถนั่งทานอาหารได้และเปิดบานหน้าต่างเพื่อรับ-ส่งอาหารจากภายในครัว แต่ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ของครอบครัวผม เคาเตอร์มุมนี้มันจึงกลายเป็นที่วางของครับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งโทรศัพท์ เร้าท์เตอร์อินเตอร์เน็ต แจกันดอกไม้ โอ้ยเยอะแยะ ส่วนเก้าอี้หน่ะเหรอ? ก็ใช้เป็นชั้นวางหนังสือน่ะสิครับ

home-raw
ผมกลับบ้านครั้งนี้ในวันที่พายุพัดเข้าจังหวัดเชียงรายพอดีครับ ภายนอกบ้านเริ่มมีเสียงลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับการทานอาหารเย็นแม้แต่น้อย ช่วงหัวค่ำหลังทานอาหารมื้อเย็นเสร็จจนอิ่มหนำ ผมจึงนั่งพักทึ่โต๊ะอาหารนิ่งๆ เพื่อให้ท้องได้ย่อยได้ทำงานหน่อย แต่นั่งอยู่เฉยๆ มันก็เบื่อ ครั้นจะเล่นโทรศัพท์มือถือก็ไม่รู้จะเล่นอะไร เลยไปหยิบสมุดสเก็ตช์มาวาดรูปลงสีเสียเลย

home-web

อับอายจริงๆ ครับ! วาดโดยไม่ดูเปอร์สเปคทีฟหรืออะไรทั้งนั้น เริ่มวาดก็ด้นสดวาดหนังสือที่วางกองอยู่บนเก้าอี้เป็นอันดับแรกเลย วาดไปวาดมา อัาว! เก้าอี้เบี้ยวเว้ย! แต่ก็ช่างมันเหอะ ถึงจะเบี้ยว แต่ก็เบี้ยวแบบมีศิลปะ…(อ้างข้างๆ คูๆ เหมือนพวกดาราถ่ายภาพโป้) จากนั้นก็วาดส่วนของหน้าต่าง ชั้นวางของด้านบน ข้าวของต่างๆที่วางไว้ และสุดท้ายก็พื้นทางเดิน คุณอาจจะเห็นว่าพื้นตรงนั้นมันแหลมๆ เบี้ยวๆ ผิดปรกติใช่มั้ยครับแต่คราวนี้ผมไม่ได้วาดเบี้ยวนะ มุมบ้านตรงส่วนนี้ถูกออกแบบมาเป็นแบบนี้จริงๆ (ออกตัวก่อน เดี๋ยวโดนว่าว่าสายตาเอียง)

อุปกรณ์ : สมุดที่ใช้ก็เป็น Moleskine Sketchbook Pocket ครับ ส่วนปากกาก็ต้องเป็นลามี่อยู่แล้วโดยเติมหมึก Platinum Carbon Black เข้าไป ปิดท้ายด้วยการลงสีน้ำของ Winsor & Newton ซึ่งก็อย่างที่ผมเคยรีวิวสมุดเล่มนี้ไปว่าเนื้อกระดาษไม่เหมาะกับการลงสีน้ำ ทำให้ผมต้องใช้เวลาอยู่นานในการทาสีทับหลายๆ ครั้ง สีจึงจะซึมลงกระดาษในที่สุด

ร้านกาแฟเจ้าประจำกับมุมนึงของร้านที่ไม่เคยเห็น

หลายคนคงจะเคยเห็นสเก็ตช์ไปแล้วเพราะผมโพสไว้ทั้งใน อตก และเพจของ B.B.Blog แต่ผมยังไม่เคยเล่าเรื่องราวของภาพนี้ที่ไหนแน่ๆ และวันนี้ได้ฤกษ์ดีเปิดเว็บใหม่ Sketchland Yard เลยขอเล่าถึงหน่อยละกันนะ

สเก็ตช์นี้วาดในวันหลังจากที่อัพบล็อกตอนสมุด Rhodia ได้ 1 วันครับ เพื่อนผม(หญิงโสดหาแฟนยังไม่ได้..ขอไม่เอ่ยนาม)มันเปลี่ยวใจอะไรไม่รู้โทรมาบอก “ไปกินกาแฟกันเหอะ! กูเบี่ยมากกกก” อ..โอเค ไปก็ไป ทานข้าวเสร็จจึงเดินทางไปร้านกาแฟเจ้าประจำ Pacamara ครับ และแน่นอนว่าจะต้องไม่ลืมที่จะพกสมุดไปด้วยเผื่อเอาไว้สเก็ตช์รูป…คงคิดว่าผมจะเอา Moleskine ไปซินะครับแต่ผิดครับ! ผมเอา Rhodia ไปแทนต่างหาก ก็มันเห่อ!

ถึงร้านก็ได้โต๊ะตัวใหญ่นั่งด้านในสุดกางแขนกางขาได้สบายๆ สั่งกาแฟแก้วเล็กๆ มาจิบให้หายง่วงเพราะเมื่อคืนก่อนเพิ่งอัพบล็อกดึกดื่นไป จิบจนหมดจึงเริ่มต้นสเก็ตช์

1

ถึงแม้จะมาร้านนี้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยเข้ามานั่งหลังร้านเลยเพราะปรกติจะนั่งด้านหน้าเพื่อดูสาวๆ ตลอด แต่วันนี้ได้เปลี่ยนโต๊ะนั่งทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ของร้านที่มีการตกแต่งได้อย่างแปลกตา ผนังอิฐซ้ายสีน้ำตาลขวาสีขาวช่างต่างกันยิ่งนัก มีการทำชั้นเพื่อวางขายน้ำเชื่อมที่ทางร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายเอาไว้ด้วย หรือจะเอากระสอบที่ใช้ใส่เมล็ดกาแฟมาเย็บติดไว้กับผนังร้านเพื่อความสวยงามอีก …แปลกดี แบบนี้ต้องขอสเก็ตช์

scan-pacamara-web

ผมใช้เวลาวาดอยู่นานทีเดียวครับ ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่ากับการวาดเส้นอย่างเดียว แล้วก็ต้องกลับไปทำงานต่อที่ออฟฟิศ ดังนั้นเพื่อให้ผมสามารถลงสีน้ำได้อย่างถูกต้องผมจึงได้ถ่ายรูปมุมนั้นของร้านเอาไว้ด้วย ป้องการลืมหากต้องลงสีภายหลัง …ตกดึกคืนนั้นจึงได้ลงสีเสียที ลงสีน้ำคราวนี้เกร็งแหะเพราะผมกลัวลงสีแล้วเน่าพาลจะเสียไปหมดทั้งรูปทำให้ครั้งนี้ผมจึงตั้งใจลงสีเป็นพิเศษ ก็ใช้เวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมงได้ รวมแล้วรูปนี้ใช้เวลาไปตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า …เมื่อเห็นว่าสวยเป็นที่น่าพอใจแล้ว จึงผึ่งลมแล้วเก็บเข้ากระเป๋ารอให้ถึงวันพรุ่งนี้

3

วันรุ่งขึ้นผมกลับไปที่ร้านกาแฟอีกครั้งครับ ไม่ใช่อะไรหรอกผมแค่อยากจะถ่ายรูปเทียบสเก็ตช์กับตัวร้านจริงๆ เท่านั้นแหละ ซึ่งตอนนั้นก็มีลูกค้าชาวต่างชาติมายืนดูด้วยนะ …อายหว่ะ แต่ผมก็ถ่ายต่อไปก็คนมันมั่นเพราะคิดว่าชาตินี้คงวาดและลงสีแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นถ่ายไปเลย!!

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, waterbrush ของ Pentel