โพสทั้งหมดของ: HackHQ

HackHQ

HackHQ

คนธรรมดาที่หลงใหลในการสเก็ตช์ ใช้ปากกาลามี่เป็นอาวุธ มีสมุด Moleskine เป็นผืนผ้าใบและมีจินตนาการในรูปของสีน้ำ หลงใหลรูป รส กลิ่น ของกาแฟ และเคลิบเคลิ้มกับเสียงของดนตรีแจ๊ส

https://www.sketchlandyard.com

ประกาศผลการประกวด Sketchland Yard Contest #1 : The Magical Terrarium by Puppy Leaf

และนี่คือรายชื่อผลงานของการประกวดวาดภาพสุดเก๋ที่มีชื่อว่า Sketchland Yard Contest #1 : The Magical Terrarium by Puppy Leaf จากผู้เข้าร่วมสนุกจำนวน 22 ท่าน 22 ผลงาน ผ่านการคัดเลือกอย่างยุติธรรมจากคณะกรรมการของทั้งจากฝั่ง Sketchland Yard และ Puppy Leaf ซึ่งผลการประกวดมีดังนี้!!

อันดับที่ 1
Terrarium ในฝันของคนรักกระต่าย โดย Nattagarn Chandnuamai
3-web

 

อันดับที่ 2
ความสุข…ย่อส่วน โดย อริสา จันทรลาภ
4-web

 

อันดับที่ 3
Hide and Seek โดย Wiwan Nitthayakoson
22-web

 

รางวัลพิเศษ
Aqua-Terrarium โดย อภินุช เพชราภิรัชต์
5-web

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถูกใจกันกับที่คุณผู้อ่านเชียร์กันบ้างหรือเปล่า และกระผมพร้อมกับจุ๊บจาก Puppy Leaf ต้องขอกราบขอบพระคุณศิลปินทุกท่านที่ส่งผลงานเข้ามาร่วมสนึกกันด้วยนะครับ ผลงานของทุกท่านสวยงาม น่ารักและดูอบอุ่นจริงๆ และต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะทั้ง 4 ท่านด้วยนะครับ ผลงานของคุณสวยงามทุกใจเป็นที่สุดครับ!

ทั้งนี้ต้องขอรบกวนผู้ชนะทั้ง 4 ท่านติดต่อเข้ามาทางอีเมล sketchlandyard@gmail.com หรือว่าทาง เฟสบุคแฟนเพจ bbblog ด้วยนะครับเพื่อติดต่อเรื่องรับรางวัลอีกทีครับ

หวังว่าจะได้ร่วมสนุกกันอีกนะครับ ขอพระคุณมากครับ!!

Sketchland Yard Contest #1 “The Magical Terrarium by Puppy Leaf”

Sketchland Yard ร่วมกับ Puppy Leaf ร้านสวนสวยในขวดแก้วน่ารักสไตล์มุ้งมิ้งจัดประกวดภาพวาดและสเก็ตช์ในหัวข้อ “The Magical Terrarium by Puppy Leaf” ส่งผลงานผ่านทางอีเมล sketchlandyard@gmail.com วงเล็บหัวข้อ “สวนขวด” (หรืออะไรก็แล้วแต่ที่บ่งบอกว่าส่งผลงานเพื่อการประกวด) เริ่มส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2557 เปิดแสดงผลงานตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ธันวาคม และประกาศผลวันที่ 10 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2558 เปิดแสดงผลงานตั้งแต่วันที่ 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2558 และประกาศผลวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 รายละเอียดการประกวด กติกาการตัดสินและของรางวัล มีดังนี้

new-poster

กติกาการเข้าร่วม

  1. ต้องเป็นภาพวาดของสวนขวดหรือที่เรียกว่า terrarium ตัวอย่างสามารถเข้าชมได้ที่เพจ Puppy Leaf : https://www.facebook.com/media/set/?set=a.897740560237845.1073741830.869365656408669&type=3&uploaded=20
  2. ลงสีสันสวยงาม (ภาพลายเส้นสีเดียวไม่รับนะ) โดยไม่จำกัดเทคนิค ไม่จำกัดประเภทของสื่อที่ใช้ (ใช้สีอะไรก็ได้) ภาพต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 4 x 6 นิ้ว จะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือสี่เหลี่ยมจตุรัสก็ได้ตามแต่สร้างสรรค์
  3. ต้องเป็นผลงาน original ไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อน หากตรวจพบว่ามีการใช้ภาพของผู้อื่นส่งเข้ามาประกวด ทางเราจะขอตัดสิทธิการเข้าร่วมอย่างถาวร
  4. ผลงานใดที่ไม่ผ่านข้อกำหนดเบื้องต้น ทางเราขอสงวนสิทธิไม่นำเสนอผลงานบนเว็บไซต์

วิธีส่งผลงาน

  1. ส่งภาพถ่ายหรือภาพสแกนของผลงานมาได้ทางอีเมล sketchlandyard@gmail.com เท่านั้น
  2. ขนาดของภาพต้องมีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 1,500 px (นับจากด้านที่ยาวที่สุด)
  3. ภาพที่ส่งต้องมีความคมชัดและปรับแต่งแสงมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ทางเราจะไม่ทำการปรับแต่งใดๆ ให้ทั้งสิ้น ดังนั้นหากภาพใดไม่ชัด มืด หรือสีเพี้ยน ทางเราจะขอสงวนสิทธ์ิไม่นำผลงานมาพิจารณา แต่จะมีการติดต่อกลับไปว่าต้องปรับแก้อย่างไรอีกครั้งครับ

ระยะเวลา

  1. รับผลงาน วันนี้ – 10 ธันวาคม 2557 31 มกราคม 2558
  2. แสดงผลงานบนหน้าเว็บ Sketchland Yard 1 – 31 ธันวาคม 2557 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2558
  3. ประกาศผล 10 มกราคม 2558 28 กุมภาพันธ์ 2558

เงื่อนไขการตัดสิน

  1. สีสันสวยงามและแน่นอนว่าต้องเป็นภาพของสวนสวยในขวดแก้ว
  2. มี “ชื่อผลงาน” พร้อม “เรื่องราวประกอบ” อย่างน้อย 1 ย่อหน้า (ประมาณ 5 บรรทัด) อย่ายาวมากเกินไปขี้เกียจอ่าน
  3. กรรมการผู้ตัดสินประกอบด้วย ปอนด์จาก bbblogr.com (ผมเอง) และคณะจากร้าน Puppy Leaf

ของรางวัล

ผู้ชนะ 3 อันดับแรกจะได้รับรางวัลจากทางร้าน Puppy Leaf และเว็บ Sketchland Yard ดังนี้
1. สวนขวด Terrarium (a space bound) มูลค่า 700 บาท และชุดสีน้ำเกรด Artist ShinHan Art 13 สี มูลค่า 800 บาท รวม 1,500 บาท
2. สวนขวด Terrarium (mini space bound) มูลค่า 600 บาท
3. สวนขวด Terrarium (small decorative jar) มูลค่า 300 บาท

UPDATE!!

โดยของรางวัลเดิมที่เป็นสวนขวดจากร้าน Puppy Leaf และสีน้ำเกรด artist ShinHan Art ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ที่จะเพิ่มนั้นมีรายชื่อดังต่อไปนี้

  1. พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Series 1214 Retractable Travel พู่กันพกพาขนเทพ Kolinsky ขนาดเบอร์ 6 http://www.bbblogr.com/2666/

  2. สมุด Moleskine Watercolor ขนาดใหญ่ large http://www.bbblogr.com/923/

  3. หมึกเทพกันน้ำ Platinum Carbon Black http://www.bbblogr.com/1035/ (อาจมีการเปลี่ยนเป็น De Atramentis ขึ่นอยู่กับความเหมาะสม)

รายละเอียดกติกาการแจกรางวัล!
กติกาคือ ผู้ชนะคนแรกจะมีสิทธิได้เลือกของรางวัลก่อนคนที่ได้อันดับรองลงมาครับ ก็เลือกไป 1 อย่าง อยากได้อะไรก็เลือกไปซะ ส่วนคนที่ได้อันดับรองลงมาก็เลือกรางวัลจากที่เหลือครับ ผมว่าแบบนี่น่าจะได้ของรางวัลที่ถูกมากกว่าใช่มะ? (รูปข้างล่างจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มรูปของรางวัลอีกทีครับ)

sketchlandyard-contest-reward

หมายเหตุ

  1. ผลงานที่ได้รับการตัดสินเป็นผู้ชนะ ทางเราขอสงวนสิทธิในการใช้ภาพเพื่อจัดพิมพ์เป็นไปรษณียบัตรต่อไป
  2. ผู้ชนะจะต้อง “นำผลงานจริง” เข้ามายืนยันด้วย จากนั้นทางเราจะทำการสแกนเก็บไว้และส่งคืนภาพจริงให้ภายหลัง

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามเข้ามาได้ทางอีเมล sketchlandyard@gmail.com เฟสบุคแฟนเพจ B.B. Blog Sketchblog https://www.facebook.com/bbblog.sketchblog หรือทางทวิตเตอร์ @sketchlandyard ทางเราจะรีบติดต่อกลับให้เร็วที่สุดครับ

…ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและหวังว่าจะสนุกกันไม่มากก็น้อยนะครับ 😉

เพราะสีสันคือชีวิต

การที่งานยุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะออกนอกบ้านไปสเก็ตช์ต้นไม้สักต้น ทำให้สมุดสเก็ตช์ที่พกติดตัวตลอดเวลาต้องปิดปกไว้ไม่ได้รับน้ำหมึกและสีน้ำเลย แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบสีสันสดใส สีแดงสีเหลืองสีส้มนี่ขาดไม่ได้เลยสำหรับชีวิต พอเจอกับอะไรก็แล้วแต่ที่มีสีเหล่านี้ก็มักจะถ่ายรูปเก็บไว้ …ซึ่งถ่ายเก็บไว้ทำไมก็ไม่รู้ แต่ก็มีครั้งนี้แหละที่ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็ตามก็ยังอยากที่จะสเก็ตช์ให้ได้สักครั้ง

sketchlandyard-may-1

โคมไฟที่ส่องแสงสว่างในร้านอาหารญี่ปุ่นของชั้นอาหารห้างเทอมินัล 21 …โคมไฟดวงใหญ่สีแดงที่เด่นสะดุดตา ภายในส่องแสงเหลืองทองสว่างเรืองรองทำให้ปรรยากาศทางเข้าร้านแลดูสนุกและน่ารื่นรม สีแดงและส้มของแสงทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะลงมือสเก็ตช์โคมไฟดวงนี้

sketchlandyard-may-2

ผมสเก็ตช์ลายเส้นแบบเรียบง่ายให้เห็นเป็นเค้าโครงของรูปภาพโดยรวมไว้ก่อน จากนั้นจึงลงสีน้ำตามแสงเงาที่เห็น แต่แต่งแต้มเพิ่มความสดใสให้ดูเหมือนราวกับว่าโคมไฟในสมุดหน้านี้กำลังเปร่งแสงออกมาจริงๆ เมื่อลงสีเสร็จจึงแต่งเส้นเพิ่มรายละเอียดในหลายๆ จุด ทั้งนี้ก็เพื่อให้เส้นที่วาดทับสีน้ำนั้นเป็นเส้นที่มีสีเข้มและชัดเจน ภาพจะได้ดูมีมิติและแสดงถึงริ้วรอยของการใช้งานให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

 

sketchlandyard-may-3

หัวจ่ายน้ำสำหรับใช้ในการดับเพลิงสีแดงอาจจะเป็นของที่เห็นจนชินตาสำหรับใครหลายต่อหลายคน แต่หัวจ่ายอันนี้มีความพิเศษในตัวของมัน เนื่องด้วยเพราะผมอาศัยอยู่ในเขตชุมชนที่มีผู้คนผ่านสัญจรไปมา และมีคุณลุงคุณป้าที่อาศัยอยู่ระแวกนี้เดินพบปะพูดคุยไปมาหาสู่กัน บางครั้งลุงและป้าคงเดินจากบ้านมาไกลก็เกิดอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยเข่า หัวจ่ายน้ำดับเพลิงจึงถือเป็นที่นั่งชั้นดีในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะเช่นนี้ อีกทั้งเมื่อนั่งพักแล้วยังสามารถที่จะหยุดมองดูวิถีชีวิตของผู้คนที่ผ่านไปมาเพื่อความเพลิดเพลินได้อีกด้วย ผมมักจะนั่งทานอาหารกลางวันที่ร้านข้างๆ นี้อยู่เป็นประจำจึงเห็นได้ว่า เจ้าหัวจ่ายหัวนี้มีประโยชน์มากกว่าใช้แค่ดับเพลิงจริงๆ ร่องรอยสีที่หลุดร่อนบอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดีว่ามันได้ทำงานรับใช้ “ก้น” ของลุงและป้ามานานนับครั้งไม่ถ้วน

 

sketchlandyard-may-8

ลองมองไปรอบๆ ตัวดูนะครับ ค้นหาสีสันที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษ สีสันที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกที่อยากจะถ่ายภาพเก็บไว้หรือสเก็ตช์ลงสมุดในแบบของเราเอง สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เราจับปากกาแล้ววาดภาพ แถมยังอาจได้เห็นเรื่องราวในอีกแง่มุมนึงหากเราเฝ้ามอง สังเกต และใช้เวลาร่วมกับมัน

ปล. เขียนหล่อๆ แบบนี้พอกลับมาอ่านตั้งแต่ต้นแล้วขนลุกชะมัด!

อุปกรณ์ที่ใช้

Pala Pizza Romana ร้านพิซซ่าที่ผมไปมาแล้วกว่า 87 ครั้ง

จั่วหัวก็เกินไป๊! ถึงผมจะชอบพิซซ่าร้านนี้มากมายขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้ไปถี่ถึงขนาดนั้นครับ อันที่จริงแล้วถ้าจำไม่ผิดผมไปทานมาแลัวน่าจะ 8 ครั้งได้(ในสองเดือน) ก็เนื่องจากพิซซ่ามันอร่อยมากกก วัตถุดิบที่ใช้ก็คุณภาพดี แถมยังสามารถสั่งทานแค่พออิ่มชิ้นเล็กๆ ได้ด้วย พิซซ่าราคาเพียงแค่ 100 บาทก็อิ่มหนำสำราญใจแล้วครับ (แต่ผมขอสองนะ)

pala-7เนื่องจากร้าน Pala Pizza Romana ร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบฝรั่งจ๋า ทำให้อะไรๆ ก็ดูน่าสเก็ตช์ไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน สินค้าที่วางขาย รวมถึงเมนูอาหารแต่ละเมนูด้วย และถึงแม้ผมจะเสพติดพิซซ่าร้านนี้มากมายเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งที่ผมอยากสเก็ตช์ที่สุดกลับเป็นอาหารจานสลัดครับ ก็เนื่องจากความสดใสของสีสันวัตถุดิบ รวมถึงการจัดวางแบบ “ไร้กระบวนท่า” …หรือก็คือเอามาขยำๆ รวมๆ กันนั่นเองครับ ทำให้สลัดแต่ละจานนั้นน่าทานและน่าสเก็ตช์เป็นที่สุด

pala-1

Burrata Caprese

เมนูแรกเป็นเมนูที่ผมไปทานมาเมื่อเทศกาล “มายโลนลี่วาเลนไทน์” ที่ผ่านมาครับ Burrata Caprese มันคือสลัดมะเขือเทศครับ ฝานมะเขือเทศลูกขนาดกำลังพอเหมาะเป็นแผ่นหนา วางลงบนจานพร้อมกับผักร๊อคเก็ต ราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อยพร้อมเติมแต่งรสชาติเข้มข้นด้วยน้ำส้มบัลซามิก ปิดท้ายด้วยพระเอกคนสำคัญของสลัดจานนี้ก็คือชีสควาย…เอ่ออ…ชีสนมควายหรือก็คือ Burrata Cheese ที่วางมาทั้งก้อนเหมือนเชฟเขาขี้เกียจครับ ค่อยๆ เอามีดฝานตัดก้อนชีสก้อนใหญ่นี้ให้น้ำนมที่คงเหลืออยู่ภายในไหลออกมา จิ้มชิ้นชีสที่ชุ่มฉ่ำทานคู่ไปกับมะเขือเทศที่อาบพรมไปด้วยบัลซามิก รสชาติของนมผสมกับความหวานของมะเขือเทศและความเปรี้ยวของบัลซามิก สลัดจานนี้อร่อยจนยากที่จะหาคำบรรยายมาบอกกล่าวเลยหล่ะครับ

pala-2

Bio Red Honey Tomato Salad

เมนูสลัดจานที่สองก็คือ Bio Red Honey Tomato Salad วันนี้ผมไปทานกับเพื่อนครับนั่นก็คือคุณวิ @pi_pooh สเก็ตช์เชอร์ทาสแมวและอาหารยั่วน้ำลายของเรานั่นเอง เรื่องของเรื่องคือผมได้เคยโม้กับคุณวิไว้เยอะมากว่าพิซซ่าร้านนี้อร่อยนักอร่อยหนา คุณวิฟังแล้วก็หน้านิ่วว่าจะเชื่อถือคำพูดของผมได้หรือไม่ จึงขอมาลองให้หายข้องใจกันไปเลยครับ สั่งพิซซ่าเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมื้อนี้แต่ตาของพวกเราเหลือบไปเห็นเมนูพิเศษประจำวันบนป้ายที่แขวนไว้เหนือบาร์…แล้วก็ลองสั่งดูครับ สลัดจานนี้เป็นสลัดมะเขือเทศสีส้ม…ซึ่งผมไม่ทราบจริงๆ ครับว่ามันคือพันธุ์อะไรกันแน่แต่ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่สามารถกินได้ …ผมก็กินไม่ยั้งอยู่แล้วครับ สลัดจานนี้เป็นสลัดหวาน เสริฟมาพร้อมกับชีส(อะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้)หันเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ คลุกเคล้าด้วยกันกับผักร็อคเก็ต แต่ที่ทำให้สลัดจานนี้มีรสชาติที่พิเศษเหนือใครนั่นก็คือน้ำผึ้งครับ จานนี้เป็นสลัดที่ราดน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวานแต่กำลังพอดี ผสมผสานกับความหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของมะเขือเทศ ตัดรสด้วยความเค็มเล็กน้อยจากชีส เผลอแป๊บเดียวสลัดจานนี้ก็หมดเกลี้ยงแบบไม่ทันรู้ตัวครับ

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะบอกว่าไหนว่าชอบพิซซ่าแต่ไม่เห็นมีสเก็ตช์รูปพิซซ่ามาอวดกันบ้างเลย …ผมต้องขออภัยจริงๆ ครับที่ไม่มีสเก็ตช์พิซซ่าเหล่านั้นมาให้ได้ชม งั้นขอแก้ตัวด้วยการนำรูปถ่ายที่ “ไม่ได้ตั้งใจถ่าย” มาให้ดูกันแล้วกันนะครับ 😉

ที่มีปลาเค็มคือ Ciociara อันหลังที่แฮมบานๆ คือ Toscana

ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Boscaiola

Brie & Speck อันนี้เมนูโปรดของผมครับ ส่วนอันหลังอะไรไม่รู้น่าจะ Capricciosa (มั่ว)

Bio Red Honey Tomato Salad

อ้อ! เกือบลืมบอกครับ ร้านนี้เดินทางไปไม่ยากเลยครับ นั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานีอโศก หรือรถไฟใต้ดินมาที่สถานีสุขุมวิท ตรงบันไดเลื่อนทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟใต้ดินมายังบนดิน(บริเวณที่มีม็อบ ข้างร้านโดนัท บันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปห้างเทอมินัล 21) หยุดยืนสักพักเพื่อสูดกลิ่นหอมจากเตาอบครับ แล้วคุณจะทราบเองว่าเดินตรงไปอีกสักนิดร้าน Pala Pizza Romana ก็กำลังรอคอยให้คุณเข้าไปลิ้มชิมรสพิซซ่าที่แสนอร่อยอยู่ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้

เว็บไซต์ของร้านpalapizzabangkok.com

ขอขอบคุณ : รูปถ่ายสวยๆ จาก @itidtie ด้วยนะครับ นี่ชั้นต้องพาเธอไปเลี้ยงไหมเนี่ยะ?

ผมเกลียด Starbucks!

แฟนพันธุ์แท้สตาร์บัคส์คนไหนอ่านแค่หัวข้อตอนนี้แล้วอยากจะเข้ามาไฝ้ว์กับผมขอให้อ่านให้จบก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเมื่อยนิ้วเพราะมัวแต่พิมพ์มาม่า

หลายคนคงทราบดีครับว่าไอตัวกระผมนั้นเป็นคนที่เสพติดกาแฟเป็นอย่างมาก วันใดไม่ได้สูบกาแฟเข้ากระแสเลือดวันนั้นแทบเรียกได้ว่าสถานะทางอารมณ์เหมือนผีชีวะเลยทีเดียว มันไม่สดชื่น โลกมืดหม่นมัวหมอง อะไรก็ดูเชื่องช้าไปเสียหมด…เฮ้อ…นอนในออฟฟิศมันเลยเสียดีกว่า

การที่ผมเสพติดกาแฟในความหมายคือผมติดรสกาแฟครับ เลือกดื่มกาแฟแต่รสที่ชอบเท่านั้น คั่วแบบนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ กลั่นช็อตออกมาที่เวลาเท่านี้ถึงจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งดัดจริตมาก!! ใช่ครับผมรู้ตัวดี…มันจึงเป็นนิสัยเสียที่ติดตัวมาจากเชียงใหม่ซึ่งมีร้านกาแฟที่ถูกปากผมหลายร้านแถมยังเดินทางไปดื่มได้สะดวกแต่พอย้ายมาทำงานที่บางกอก การหากาแฟที่รสถูกปากสักร้านช่างเป็นไปได้ยากเย็น เข้าห้างก็มีแต่กาแฟแบรนด์ใหญ่ๆ จะออกนอกเส้นทางรถไปฟ้าก็ไปไม่เป็นไม่มีรถส่วนตัว ทำให้ได้ดื่มแต่กาแฟที่รสไม่ถูกปาก นั่นก็คั่วเข้มแล้วมาชงร้อนเหมือนให้ม้ากิน นั่นก็เบาบางไปหรือบางร้านสั่งเอสเพรซโซ่แต่เหมือนกินไมโลผสมเนสกาแฟ โว๊ะ! ดัดจริตมาก! …ส่วนพวกแกก็อย่าเอาเปรียบคนกินกาแฟนักสิฟระ! (ขอบ่นนิดนึง)

sketch-3

แต่แล้ววันนึงชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ เพื่อนผมคนนึงเค้าได้แนะนำว่าถ้าอยากกินกาแฟทำไมไม่กินที่ร้านสตาร์บัคส์ล่ะ …แน่นอนว่าในใจผมต่อต้านเนื่องมาจากในอดีตเคยลิ้มลองไปหลายแก้วแต่ไม่เคยเป็นที่ถูกใจแม้แต่เมนูเดียว ราคานั้นก็แสนแพง มีแต่กาแฟเด็กเล่นน้ำหวานเต็มแก้วจนไม่ได้รสกาแฟ เกลียด!! แต่คราวนี้เพื่อนผมก็แนะนำว่าทำไม่ลองกาแฟเมนูนี้ดูล่ะ ถึงไม่เป็นกาแฟแบบอิตาเลียนแท้ๆ แต่รสชาติดีรับรองว่าต้องติดใจแน่ นั่นก็คือ Hot Caramel Macchiato ผมเลยสั่งด้วยความคาดหวังว่ามันจะเป็นแก้วช็อตเล็กเหมือน Macchiato แบบอิตาเลียน ซดน้อยแต่พอดีมีนมหน่อยให้พออยู่ท้อง แต่กลับกลายเป็นว่ากาแฟแก้วนี้เสริฟมาเป็น “โอ่ง” ครับ!! ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอคำว่า Macchiato ของไอร้านนี้มันจะเสริฟมามากมายขนาดนี้ เรียกได้ว่ากินอิ่มยันอ้วกได้เลย แต่ไหนๆ แล้วก็ขอลองลิ้มชิมรสสักหน่อยนะ

…ข้าขอคุกเข่าลงแต่เทพีกาแฟ…อร่อยมาก!! เมนูกาแฟแก้วนี้อร่อยเสียจริงจนผมต้องประหลาดใจ ถึงแม้ไม่ใช่กาแฟแบบต้นฉบับที่แท้จริงแต่เป็นการปรับสูตรให้เกิดเมนูที่ทำให้สามารถดื่มกาแฟได้ง่าย สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัยซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งที่มัดใจแฟนๆ สตาร์บัคส์เค้าหล่ะ เอสเพรซโซช็อตรสนุ่ม เทลงในนมร้อนที่สตีมเป็นอย่างดี ราดหน้าด้วยคาราเมลเข้มข้นหวานมันสูตรพิเศษของทางร้าน ทำให้กาแฟแก้วนี้อร่อยสามารถดื่มได้ง่าย ไม่จะกลางวันหลังมื้ออาหาร หรือจะเป็นหัวค่ำก่อนกลับบ้านเข้านอน กาแฟอุ่นๆ แก้วนี้ช่างเหมาะในทุกช่วงเวลาเสียจริง เข้าร้านครั้งหน้าลองสั่งกันได้นะครับรับรองว่าจะไม่ผิดหวัง(แถมอ้วนน้อยกว่ากาแฟปั่นกาแฟเย็นด้วยนะเอ้อ!)

sketch-1sketch-2

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดสตาร์บัคส์เข้าเส้นก็คือ “วัฒนธรรมที่ลูกค้าปฏิบัติ” ครับ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งแช่ของลูกค้าตั้งแต่เช้ายันบ่ายด้วยน้ำมะนาวแก้วเดียว การติวหนังสือหรือขายตรงที่ทำกันแบบไม่เกรงใจใคร การถ่ายรูปแก้วกาแฟที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมใดตีลังกาหรือนอนเหยียดบนพื้นก็ล้วนแล้วแต่จะมีโลโก้ของสตาร์บัคส์หันเข้ากล้องอยู่เสมอจนดู “ยิ่งกว่าจงใจ” หรือล่าสุดจะเป็นการนั่งสเก็ตช์ในร้านโดยที่กาแฟหมดแก้วไปนานแล้วแต่ยังไม่ลุกเสียที(อุย!) ทีแรกผมก็สงสัยว่าไอเรื่องพวกนี้มันอะไรของมันวะ? แต่พอมองและคิดดูอย่างถ้วนถี่แล้วต้องถือว่ากาแฟแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ทีเดียว ลูกค้ามีความภูมิใจที่ได้เข้ามาใช้บริการ ดึงลูกค้าให้อยู่ในร้านได้นานซึ่งมีโอกาสที่จะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มได้ในภายหลัง(ข้อนี้ยังคงเป็นที่สงสัย) สามารถโปรโมทแบรนด์ผ่านลูกค้าได้โดยสมัครใจและไม่ต้องมีรางวัลมาเป็นข้อตกลง แถมทางร้านยังมีบริการให้เราได้ลองชิมกาแฟแปลกใหม่รวมถึงขนมจากทางร้านด้วยความเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเสมือนมาร้านกาแฟของเพื่อนที่รู้จักและอยากที่จะกลับมาอีกครั้งในโอกาสหน้า ทั้งหมดคือความเจ๋งของสตาร์บัคส์ที่ผมชื่นชอบและอดอมยิ้มไม่ได้ทุกทีเมื่อเข้ามาดื่มกาแฟในร้านและก็เห็นสาวๆ ถ่ายรูปตัวเองคู่กับแก้วกาแฟลงอินสตาแกรม นี่แหละครับคือ Starbucks Culture ที่น่าสนใจเสียจริง

อุปกรณ์ที่ใช้ :

สเก็ตช์ความสุขเทศกาลคริสต์มาส ส่งท้ายปีเก่า 2013 ต้อนรับปีใหม่ 2014

หลังจากที่ให้สเก็ตช์เชอร์หลายท่านวาดลวดลายส่งผลงานสวยๆ มาอวดกันเยอะแยะมากมาย สเก็ตช์เชอร์สายขี้เกียจแบบผม(ไอสายนี้ควรจะปิดสำนักไปได้แล้วนะ!)จึงขอส่งผลงานบ้างครับเพราะกลัวผู้อ่านหลายท่านจะลืมกันไปเสียก่อนว่าไอหมอนี่มันสเก็ตช์กับเขาด้วย สเก็ตช์ตอนนี้เป็นสเก็ตช์ในช่วงของเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครับ ขอเล่าเรื่องเรียงตั้งแต่วันแรกเลยนะ

IMG_2703photo 2

เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแบบนี้ใครจะไปนอนอยู่บ้านเหงาๆ คนเดียวล่ะครับ มันต้องออกไปเจอเพื่อน!! ผมเลยนัดทานข้าวกินเหล้าเมายา(เกือบจะหล่อละแก!) กันที่ร้านคนรู้จักของเพื่อนผมครับชื่อร้านว่า X Wine Z : Wine Store & Bristro เป็นร้านไวน์ที่มีอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนไว้ให้ลิ้มลองครับ เมนูที่สั่งแต่ละอย่างก็ล้วนน่าทานทั้งนั้น และนี่เป็นเมนูที่นำมาให้ชมกันครับ Pan Fried Salmon with Truffle Cream Sauce …เพราะเมนูอื่นสเก็ตช์ไม่ทัน ซัดกันเหมือนแร้งลง!! ส่วนใครที่อยากไปลองทาน ผมก็ต้องขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะได้ทานที่นี้นะครับเพราะว่ามันเจ๊งไปแล้ว!! ไอบ้า! เค้าไม่ได้เจ๊ง!! คือตั้งแต่ปีใหม่ปี 2014 เป็นต้นไปเค้าเปลี่ยนมือเจ้าของครับและจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านไวน์เต็มตัว มีการสอนเรื่องไวน์ด้วยนะ ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับส่วนผมขอกินลีโอต่อไปละกัน คุ้นลิ้นกว่ากันเยอะ!

IMG_2708

photo 1

แน่นอนว่าตามร้านค้าหรือโรงแรมต่างๆ ก็ต้องมีการประดับประดาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเทศกาลที่แสนสุขแบบนี้ด้วย ที่พักผมก็เช่นกันครับ มีการนำต้นคริสต์มาสสีแดง(?) มาตั้งตกแต่งไว้ที่ล็อบบี้ด้วย ไอต้นคริสต์มาสสีแดงนี่ผมว่าไอเดียเค้าเข้าท่ามากครับ คือการเอาใบจากย้อมสีแดงมาเย็บเป็นวงไล่ขนาดตั้งแต่เล็กไปหาใหญ่วางซ้อนๆ กันจากโคนต้นไปจนถึงยอด ประดับดาวที่ปลายยอดและแขวนห้อยลูกบอลสีทองรอบๆ ต้น กลายเป็นต้นคริสต์มาสรูปแบบใหม่ที่ทั้งน่ารักและสวยงามไม่ซ้ำใครน่าสเก็ตช์เป็นที่สุด

photo 3

ขอคั่นด้วยรูปสเก็ตช์กากๆ ระหว่างการเดินทางกลับบ้านที่เชียงรายหน่อยครับ รูปนี้สเก็ตช์ระหว่างนั่งรอเครื่องบินส่วนตัวมารับที่สนามบินดอนเมืองครับ ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องตอน 3 ทุ่ม แน่นอนว่าปีนี้บางกอกก็หนาวไม่แพ้ที่ใดรวมถึงในสนามบินก็เช่นกัน ผมซึ่งเดินทางมาบางกอกแต่ตัวเปล่าไม่มีเสื้อกันหนาวจึงหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ (ทำไมไม่ซื้อล่ะ อ้อ! แกตังค์หมดเพราะเอาแต่ซื้อหมึกนี่เอง) จึงขอแก้หนาวด้วยการเลี้ยวเข้าร้านกาแฟเพื่อเติมความอุ่นให้แก่ร่างกายนิดนึง ระหว่างที่ดื่มกาแฟไปรอเครื่องบินไปผมก็นึกครึ้มว่าไหนๆ เราก็ได้แก้วกาแฟกระดาษมาแล้ว ขอลองสเก็ตช์ภาพบนแก้วดูหน่อยละกัน ผมก็ลงมือสเก็ตช์ๆๆ แล้วลงสีน้ำดูครับ ถึงแม้ว่าจะวาดยากเพราะมันโค้งๆ แล้วปากกาก็ไม่ค่อยติดแต่ว่าสนุกมากมายเลยครับ! การได้เห็นผลงานของเราปรากฎอยู่บนพื้นที่รูปแบบอื่นบ้างมันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ทีเดียวครับ

IMG_2712

ออกจากร้านกาแฟแล้วก็ย้ายมารอเครื่องบินที่หน้าเกทเพราะจวนได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว วันก่อนได้อ่านเรื่องราวของสเก็ตช์เชอร์ท่านนึงและเธอใช้ปากกา Sharpie ในการสเก็ตช์ ผมเลยลองหามาสเก็ตช์บ้างและนี่ก็เป็นผลงานจากปากกาด้ามนี้ครับ ผมไม่ค่อยชอบสัมผัสของหัวปากกาเวลาลงเส้นเท่าไหร่จึงทำให้วาดออกมาได้ไม่สวยเลยครับ…ขอโทษครับอันที่จริงฝีมือวาดคนของผมกากเองแหละ -.,- ปากกาด้ามนี้ออกไปในแนวปากกาเขียนแผ่นซีดีครับเรื่องกันน้ำจึงหายห่วง ส่วนนายแบบและนางแบบในภาพนี้เป็นคู่แต่งงานชาวต่างชาติและคนไทยครับ นั่งรอเครื่องบินนานทีเดียวตั้งแต่ก่อนผมขึ้นเครื่องจนผมขึ้นเครื่องแล้วเที่ยวบินของพวกเค้ายังไม่มาเลยครับ นี่แหละนะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาและคนที่มีเครื่องบินส่วนตัว วะ ฮ่า ฮ่า!! (ไอบ้า! แกได้ตั๋วลดราคา 900 บาทอย่ามาทำเป็นคุย!!)

IMG_2701photo 4

หน้าหนาวปีนี้เป็นปีที่หนาวจัดมากครับ บ้านผมที่เชียงรายก็หนาวไม่แพ้ที่ใดเหมือนกันเพราะตั้งอยู่บนดอย เตาผิงที่บ้านที่ไม่ได้จุดมาหลายปีมาถึงปีนี้เลยได้ทำงานกันเต็มที่ครับ พ่อขับรถไปขนฝืนจากที่อื่น(คงไม่ได้ขโมยมาหรอกนะ…)แล้วก็เอามาเลื่อยกันที่สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นท่อนขนาดเหมาะมือเตรียมไว้สำหรับตอนกลางคืน จนเมื่อพระอาทิตย์ตกดินอากาศหนาวก็พัดผ่านเข้ามาแทนที่ เราจึงเริ่มจุดเตาผิงกันเพื่อให้คลายหนาว ห้องรับแขกคืนนั้นอบอุ่นขึ้นจริงๆ ครับ พ่อ แม่ ลูก นั่งพร้อมหน้ากันหน้าเตาผิง อ่านหนังสือ ดูทีวี ส่วนตัวผมก็นั่งสเก็ตช์ ทั้งอุ่นกายและอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด

IMG_2713

และแล้วก็ต้องเดินทางกลับมาทำงานต่อที่บางกอกครับ ใจจริงอยากอยู่ต่อนะแต่ด้วยภาระหน้าที่ต้องทำงานทำให้ต้องกลับมาโดยเร็ว วันนี้ต้องไปรับเพื่อนตอนหัวค่ำที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของเธอในจังหวัดลำปางครับ วันนั้นทั้งวันผมยังไม่ได้ทานข้าว ผมจึงออกไปเดินห้างใกล้บ้านเพื่อหาอะไรใส่ท้องเสียหน่อย ระหว่างที่รอจะเดินทางไปรับที่สนามบินนั้นผมจึงเข้าร้านอาหารร้านโปรดของบางกอกครับ นั่นก็คือ ร้านข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ ที่ผมเรียกได้ว่าเสพติดเข้าเส้น! เมนูที่ผมสั่งทุกครั้งเพราะว่าอร่อยล้ำเลิศที่สุดในโลกาก็คือ ข้าวหน้าเนื้อรสเผ็ดและซุปสาหร่ายวากาเมะ รสเผ็ดอ่อนๆ ของเนื้ออันแสนนุ่มวางแผ่บนข้าวหอมญี่ปุ่นร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปสาหร่ายวากาเมะที่ส่งไออุ่นหอมขึ้นไปในอากาศ ยกซดทีไรก็อร่อยหอมชื่นใจคลายหนาวได้ดีทีเดียว แก้เลี่ยนนิดๆ ด้วยขิงดองที่มีให้เติมแบบไม่อั้น นี่แหละครับคือเมนูสุดอร่อยประจำตัวผมเลยล่ะ …ผมใช้เวลาสเก็ตช์ไปประมาณ 20 นาที ไอข้าวและซุปที่ร้อนๆ หอมๆ ก็หายร้อนหมดแล้วล่ะครับ!! พนักงานในร้านก็มามองกันว่าไอบ้านี่ทำอะไรทำไมไม่กินๆ แล้วออกไปจากร้านไปเสียที เปลืองโต๊ะ! โว๊ะ!

นี่แหละครับเป็นเรื่องราวในช่วงคริสมาสต์และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่ได้บันทึกเรื่องราวเป็นตัวอักษรบนไดอารี่ แต่ภาพสเก็ตช์แต่ละภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราวอยู่ในตัวมันเองครับ ถึงจะผ่านปีใหม่มาหลายวันแล้วแต่เมื่อใดที่ผมหยิบสมุดขึ้นมาสเก็ตช์ ก็จะต้องหยุดดูรูปเหล่านี้ก่อนในทุกครั้งไป ภาพอาหาร ภาพต้นคริสต์มาส หรือว่าภาพเตาผิง ทุกภาพล้วนให้ความสุข ความสนุก และความอบอุ่นแก่หัวใจในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดีเสียจริง

…สวัสดีปีใหม่ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้

บังคาระราเมน ไม่กินร้านเค้าแล้วยังจะไปสเก็ตช์อีก

เพื่อนผมคนนึงกล่าวไว้ว่า “ถ้ามาแถบสุขุมวิท 39 แล้วไม่มาลองบังคาระราเมนก็ถือว่าเกิดมาเสียชาติเกิด” …โอเคครับ พอได้ยินเช่นนั้นผมก็เลยเดินขึ้นชั้นบนไปกินอาหาร้านเพื่อนทันที

อะไรเล่า?! แล้วจะไม่ลองราเมนร้านนี้หน่อยเหรอ?!!

ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะครับก็ผมนัดกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปกินร้านมัน ผมเลยได้แต่เดินผ่านแล้วก็แชะภาพเป็นที่ระลึกไว้เผื่อคราวหลังจะได้มาลองครับ

ครั้นกลับถึงบ้าน ความอาลัยอาวรยังคงเอ่อลันอยู่ในห้วงคำนึง “อันที่จริงเราน่าจะสั่งราเมนไม่งอกใส่ถุงกลับบ้านนะ” …ประหนึ่งว่าตะกี้ไม่ได้กินอะไรมาเลยอย่างนั้นแหละ ประจวบกับกำลังจะเขียนบล็อกรีวิวสมุดสเก็ตช์เล่มใหม่ Monologue Soft Sketch Book ผมก็เลยจัดแจงเปิดรูปที่ถ่ายไว้แล้วก็ลงมือสเก็ตช์ทันที

ผลการทดสอบเป็นอย่างไรนั้นขอเชิญเข้าไปอ่านกันได้ที่นี่นะ [นอกใจซ้ำซาก! สมุด Monologue Soft Sketch Book ที่ผมเผลอใจให้] ส่วนผลงานสเก็ตช์ภาพของร้านราเมนที่ผมไม่ได้กินแล้วยังจะไปสเก็ตช์ร้านเค้าฟรีๆ อีก ก็ขอเชิญทัศนากันได้เลยครับ

Monologe Soft Sketchbook-25 Monologe Soft Sketchbook-26

…ขอสัญญาว่าคราวหน้าผมจะไปลองราเมนร้านนี้ให้จงได้ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Monologue Soft Sketch Book, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

สวรรค์กลางมหานคร Costa ร้านกาแฟที่ผมหลงรัก

ใครที่ตามอ่านสเก็ตช์หรือว่าตามทวิตเตอร์ตามอินสตาแกรมของผมคงจะพอทราบใช่ไหมครับว่าผมเป็นคนที่เสพติดกาแฟจนเรียกได้ว่าต้องดื่มทุกวันหลังอาหารเลยก็ว่าได้ เมื่อตอนที่ยังอยู่เชียงใหม่ผมก็ต้องออกไปชิลกาแฟไปสเก็ตช์อยู่บ่อยๆ แต่ทีนี้เมื่อย้ายมาทำงานที่บางกอก(ชั่วคราว) การจะหาร้านกาแฟ “ที่ถูกใจ” สักร้านมันช่างยากเย็นยิ่งนักหากไม่ใช่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าก็แทบจะเรียกได้ว่าหาทางไปไม่เป็นเลยทีเดียว

ไม่ใช่ว่าร้านกาแฟในห้างหรือร้านอื่นๆ ในบางกอกจะไม่ใช้กาแฟคุณภาพดีนะครับอย่าเข้าใจผิดแต่ผมเป็นคนที่ “ติดรสกาแฟ” คือจะมีรสที่ผมชอบดื่มเป็นพิเศษซึ่งไอรสนี้มันก็ไม่ได้ราคาแพงระดับ Starbuck อะไรหรอกนะแต่เคัาไม่ค่อยเอามาขายกันเท่านั้นเอง ผมเลยหากาแฟดื่มในแบบที่ถูกใจได้ยากนั่นเอง จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองที่ห้างพาราก้อนชั้นโรงทานเค้ามีเชนร้านกาแฟจากต่างประเทศมาเปิดครับชื่อร้านว่า Costa เป็นเชนชื่อดังจากอังกฤษ นี่จึงเป็นเหตุให้ผมพบสวรรค์ในที่สุด(ถ้าอยากอ่านเรื่องร้านกาแฟร้านนี้เพิ่มเติมก็รออ่านในอีกเว็บของผมได้นะ Coffee Walk ซึ่งไม่ได้อัพมาชาตินึงล่ะครับ ก็ลุ้นกันต่อไปว่าไอคนเขียนมันยังจะเขียนต่อหรือเปล่านะ -.,-)
costa-1ผมดื่มกาแฟอยู่แค่ไม่กี่เมนูครับและที่ต้องสั่งแน่ๆ หากต้องการลองกาแฟร้านใดๆ ก็ตาม เมนูนี้ก็คือ Doppio Espresso ร้านนี้ราคาราคา 85 บาทครับ รสชาติไม่ต้องพูดถึงเะราะถูกใจเป็นที่สุด! นุ่มลิ้นลื่นคอและไม่เปรี้ยวจนเกินไป แค่เพียงกาแฟหยดแรกหยดลงบนปลายลิ้น ดวงตาทั้งสองข้างของผมก็เบิกโพล่งเสมือนได้เห็นแสงสะท้อนเนินอกของนางฟ้าที่บินล่องลงมาจากสวรรค์…แต่เว็บนี้มันเป็นเว็บสเก็ตช์นี่! พอๆ ไม่เขียนเรื่องกาแฟแล้ว! ว่าแต่ว่า…เห็นถ้วยซอฟต์ครีมชาเขียว-ถ่านข้างหลังมั้ยครับ? อันนี้มันเป็นทริคนะครับคือว่าถ้าอยากไปสเก็ตช์นอกบ้านแต่คุณดันพกแฟนติดตัวมาด้วย(พูดซะอย่างกับเป็นหมากระเป๋า -.,-) วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เธอนั่งนิ่งๆ นั่งเงียบๆ ไม่บ่นเวลาที่เราสเก็ตช์นานๆ ก็คือต้องซื้ออะไรมาให้กินให้ถ่ายรูปครับ เป็นการซื้อเวลาให้เราได้มากโขนะ

ผมเริ่มสเก็ตช์โดยเลือกมุมที่ผมคุ้นเคยที่สุดของรัานนี้ครับ ฝาผนังที่มีกรอบรูปอุปกรณ์ชงกาแฟแปะอยู่และอีกจุดหนึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรัาน Costa นี้ก็คือโคมไฟมีแดงสดสีเดียวกับโลโก้ของร้านครับ ผมจึงไม่รอชัา ใช้เวลาขณะที่หมากระเป๋า เอ้ย! ยัยแฟนกำลังถ่ายรูปถ้วยซอฟต์ครีมและจ้วงตักกินนั้นมาสเก็ตช์ครับ
costa-2 ผมใช้เวลาสเก็ตช์ค่อนขัางนานครับสำหรับภาพนี้ น่าจะใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงได้ ผมสเก็ตช์ช้าๆ เก็บรายละเอียดของโคมไฟ กรอบรูปแต่ละรูปและก้อนอิฐบนผนังจนแล้วเสร็จก็เงยหน้าไปมองยัยแฟน…คิ้วเริ่มเลื่อนมาชนกันหน่อยๆ ล่ะ ผมจึงรู้ชะตากรรมว่าถ้ายังจะลงสีต่อผมคงได้ไปเป็นศิลปินเอกบนสววรค์แน่ๆ ครับ ;_;)/

costa-3

กลับถึงบ้านก็คิดที่จะลงสีแต่แล้วเวลาก็ผ่านไปหลายวันกว่าจะหาเวลาลงสีได้ เปิดดูรูปที่ถ่ายไว้บน ไอโฟน4 ของรักของขัา~ เพื่อให้ลงสีได้โดยไม่ผิดเพี้ยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับถึงจะเสร็จสิ้น สเก็ตช์ภาพนี้ก็ออกมาสมบูรณ์ตามที่นึกไว้ ผมชอบสีสันของรัานกาแฟร้านนี้จริงๆ เลย

ผมขอแนะนำร้านกาแฟร้านนี้นะครับอยากให้ลองมากันสักครั้งนึง เพราะไม่ว่าคุณจะไปสเก็ตช์หรือจะแค่ไปจิบกาแฟก็ตาม คุณจะต้องได้รับความสนุกและเพลิดเพลินแน่ๆ บรรยากาศของร้านกาแฟที่เปิดโล่ง นั่งดูผู้คนเดินผ่านไปมาพร้อมสูดกลิ่นกาแฟที่หอมหวาน และแน่นอนโดยเฉพาะความสุขที่ปลายลิ้นได้สัมผัสกับกาแฟรสนุ่มจากร้านนี้ ช่างเป็นวันหยุดที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เลยครับ เห็นด้วยมั้ย?

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

พระนครนอนสเก็ตช์ ตอน ดีนแอนด์เดลูก้า ขนมบ้าอะไรหวานจัง

ก่อนอื่นผมคิดว่าหลายๆ คนคงลืมไปแล้วใช่ไหมครับว่าผมก็ส่งสเก็ตช์ลงเว็บนี้เหมือนกันนะ ใช่ครับก็การงานมันรุมเร้าทำให้ไม่มีเวลาแม้จะปลีกตัวออกไปสเก็ตช์ได้เลย ไหนจะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ไม่มีเวลาว่างเพราะผมต้องใชัเวลาไปกับการกินเที่ยวเสียทั้งวัน(เจริญล่ะพ่อคู้น) เห็นมั้ย! แล้วผมจะมีสเก็ตช์ใหม่ๆ มาอวดคุณได้ยังไง๊!

แก้ตัวมั่วมากก็ขอเข้าเรื่องหน่อย สเก็ตช์ตอนนี้ถือเป็นตอนพิเศษก็ว่าได้ครับ เพราะเป็นออกไปสเก็ตช์นอกสถานที่กับผองเพื่อน ชื่อกลุ่มก็ตั้งกันแบบขี้เกียจๆ เหมาะกับสมาชิกที่มีสไตล์ขี้เกียจๆ แต่ละคน จึงได้ชื่อกลุ่มว่า “พระนครนอนสเก็ตช์” …คือถ้าจะขี้เกียจถึงขั้นนอน…ผมแนะนำว่าให้กลับไปนอนบัานเห๊อะ! …เอ่อลืมตัวครับ เผลอแซวตัวเองไปเสียได้อะไรวะ?! -*-

ผมกับเพื่อนได้นัดคุยงานกันครับโดยเลือกร้านกาแฟไว้หลายที่แต่บางร้านก็ไปยากหน่อยกลัวไม่สะดวกอีกทั้งรัานนี้เป็นร้านที่ผมอยากมาซ้ำเพราะคราวก่อนไม่ได้ชิมกาแฟเลยคราวนี้เลยอยากมาแก้ตัว ก็เลยได้ข้อสรุปที่ว่า ร้าน Dean & Deluca เป็นตัวเลือกที่เข้าท่าที่สุดครับ

12มาถึงที่ร้าน คนแน่นไม่มีโต๊ะนั่ง แน่นอนครับว่าวันหยุดแบบนี้ใครๆ ก็อยากออกจากบ้านมาสิงร้านกาแฟกันทั้งนั้น เลยต้องยืนรอสักพักจึงจะได้โต๊ะนั่งกัน แน่นอนว่าสิ่งที่สั่งมาลิ้มก็ต้องเป็นกาแฟครับ แต่อีกหนึ่งที่เป็นเมนูใหม่รูปงามชวนลองก็ต้องเป็นนี่เลย New York Waffle มันเป็นขนมวาฟเฟิ้ลราดด้วยน้ำผึ้งและซอสบลูเบอร์รี่(มั้ง? ไม่รู้จัก) ตกแต่งดัวยสตอร์เบอร์รี่และราสเบอร์รี่(นี่ก็มั่วอีก) โรยปิดท้ายด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่งอีกนิดหน่อยครับ รสชาติไว้คุยกันทีหลัง เวลานี้ของสเก็ตช์ก่อนนะครับ

สมาชิกแก้งค์ “พระนครนอนสเก็ตช์” เบื้องต้นประกอบไปดัวย @ai_maw แห่งจิบชากับแมวหมุนส์(แต่หลังๆ ไม่ค่อยอัพล่ะเพราะมัวแต่จิบชาไง ไม่เขียนสักที #นี่ทวงเลย -..-) @kangg จากเว็บสยามพ็อด แล้วก็ผม @hackhq จาก BBBlog และ Sketchland Yard (จะบอกทำไม?!) แต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีสไตล์ในการสเก็ตช์ที่ต่างกันออกไปครับ แมวหมุนส์นั้นเน้นเส้นที่บางใสลงสีน้ำอ่อนๆ แลดูนุ่มนวนยิ่งนัก ส่วนนักวิ่งกั้งนั้นเน้น…เอ่อ…ไม่ทราบจริงๆ ครับ เพราะถ้าเทียบกับจอมยุทธคงเป็นเพลงดาบไร้กระบวนท่า เป็นนักฆ่าก็คงปลิดชีพด้วยดินสอสีในมือ แต่โดยสรุปก็คือ “ไม่รู้หว่ะ!” ยังไงก็ลองชมผลงานของทุกคนได้เลยนะครับ

3 4 5

6

ลองนัดเพื่อนๆ ออกไปสเก็ตช์ข้างนอกกันดูบ้างนะครับ เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายอารมณ์แถมยังเพลิดเพลินอีกต่างหาก ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงเรื่องเทคนิคการสเก็ตช์ ได้แลกเปลี่ยนอุปกรณ์ในการสเก็ตช์รูปใหม่ๆ ที่ไม่เคยลอง และที่สำคัญคือได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนยังไงละครับ

 

สุดท้าย…ถามว่าอร่อยมั้ย? ไม่รู้! สนุกมั้ย? มากกกกกกกกกกก!

กาแฟถ้วยโปรดที่ร้าน The Coffee Club

ใครหลายคนอาจจะเคยได้อ่านที่ผมรีวิวร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ The Coffee Club ลงในบล็อกกาแฟอีกแห่งของผม Coffee Walk ไปแล้ว แต่วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงอีกมุมหนึ่งครับ นั่นก็คือการสเก็ตช์!

ร้านกาแฟร้านนี้ผมเห็นมาจากคุณ @kangg นั่นแหละครับเพราะเค้าไปบ่อยแถมแต่ละเมนูที่สั่งมาก็น่าดื่มทั้งนั้น พอร้านนี้มาเปิดสาขาที่ประตูท่าแพ เชียงใหม่ ผมก็อดไม่ได้เลยที่จะต้องไปลองลิ้มชิมรสกาแฟเคล้ากลิ่นหอม และแน่นอนกาแฟแก้วแรกที่ผมจะสั่งมาดื่มก็คือ Long Macchiato นั่นเองครับ! เสริฟแก้วใสวางมาบนกระดาษเช็ดปากได้มุมสวยงามพอดิบพอดีพร้อมเสียงกล่าวดัวฟัวชัดจากพนักงานว่า Enjoy your drink! อ..โอเคครับ เอนจอยสเก็ตช์ชิ่งด้วยเลยละกันนะ

the coffee club-1

ผมลงมือสเก็ตช์กาแฟแก้วนี้ในครั้งแรกที่ไปเยือนร้านครับ และเนื่องจากเวลาจำกัด ผมจึงได้แต่เพียงสเก็ตช์แค่กาแฟแก้วนี้แก้วเดียว

the coffee club-4 the coffee club-5

ต่อมาภายหลัง ผมจึงได้มีโอกาสไปดื่มกาแฟที่นี่อีกครั้งเนื่องด้วยเพราะยัยแฟนมันอยากกินเค้กเสริมความอ้วนสักหน่อย ผมจึงไม่รอช้าเลี้ยวรถปีนทางเท้าขึ้นไปจอดหน้าร้านเลย แต่มาคราวนี้ถึงแม้จะสั่งกาแฟเมนูเดิมแต่ไม่ขอสเก็ตช์แก้วกาแฟล่ะ ขอนั่งมองหาสิ่งที่น่าสนใจและนำมาสเก็ตช์ดีกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่าร้านนี้ตั้งอยู่หน้าประตูท่าแพเลย ผมจึงจะสเก็ตช์อะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากกำแพงเมืองฝั่งนี้ครับ

the coffee club-2

the coffee club-3

สเก็ตช์เสร็จก็หันกลับมาที่โต๊ะที่สั่งโอรีโอ้ชีสเค้กไว้ แต่ยัยแฟนก็ยังคงกินไม่หมดทั้งที่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว คอยแต่เอาปลายช้อนค่อยๆ แคะค่อยๆ เล็มชีสเค้กออกมาทีละนิดๆ ผมก็ถามว่าทำอะไรทำไมไม่กินล่ะ คำตอบที่ได้กลับมาคือกลัวอ้วนเลยไม่กินตรงโอรีโอ้ ขอกินแต่ตรงชีสละกันนะ …อืมมม กินตรงชีสไม่อ้วนนี่เองได้ความรู้ใหม่แหะ

นั่งร้านกาแฟวันนี้ได้สเก็ตช์มาสองภาพพร้อมกับการเขียนบันทึกเล็กๆ ลงไปบนภาพด้วย ผมว่าผมได้รับอิทธิพลมาจากคุณภาคภูมิ มารีพิทักษ์ที่มักจะสเก็ตช์ในรูปแบบของ sketch journal ได้บันทึกทั้งรูปและข้อความ เปิดกลับมาดูอีกครั้งก็นึกเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ผมชอบมากเลยครับ

หากคุณได้มีโอกาสนั่งรัานกาแฟครั้งหน้า ลองหยิบสมุดปากกาขึ้นมาสเก็ตช์สิ่งต่างๆ รอบตัวดูนะครับแล้วคุณจะชอบ ผมว่ามันเป็นวิธีการซึมซับบรรยากาศรอบตัวที่ดีอีกวิธีนึงเลยล่ะ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush