Tag: coffee

สเก็ตช์กาแฟหอมกรุ่นและมาร์ชเมลโลช็อคโคอันแสนหวาน

เหนื่อยเราไม่เหนื่อย เมื่อยเราไม่เมื่อย เราจะฝึกสเก็ตช์ภาพไปเรื่อยๆ เย้ ^__^

จากภาพสเก็ตช์ Pala Pizza Romana และภาพชุดกรุ่นของกินกลิ่นสีน้ำ เป็นแรงบันดาลใจให้อยากจะฝึกสเก็ตช์ภาพเครื่องดื่มเป็นครั้งแรก เริ่มจากกาแฟและมาร์ชเมลโลช็อคโคค่ะ

P1180251aP1180206a

อุปกรณ์ : สมุดทำมือกระดาษ Arches 300gm – Rough, ดินสอและสีน้ำ Winsor & Newton Deluxe Sketcher’s Pocket Box

ขอบคุณค่ะ

ผมเกลียด Starbucks!

แฟนพันธุ์แท้สตาร์บัคส์คนไหนอ่านแค่หัวข้อตอนนี้แล้วอยากจะเข้ามาไฝ้ว์กับผมขอให้อ่านให้จบก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเมื่อยนิ้วเพราะมัวแต่พิมพ์มาม่า

หลายคนคงทราบดีครับว่าไอตัวกระผมนั้นเป็นคนที่เสพติดกาแฟเป็นอย่างมาก วันใดไม่ได้สูบกาแฟเข้ากระแสเลือดวันนั้นแทบเรียกได้ว่าสถานะทางอารมณ์เหมือนผีชีวะเลยทีเดียว มันไม่สดชื่น โลกมืดหม่นมัวหมอง อะไรก็ดูเชื่องช้าไปเสียหมด…เฮ้อ…นอนในออฟฟิศมันเลยเสียดีกว่า

การที่ผมเสพติดกาแฟในความหมายคือผมติดรสกาแฟครับ เลือกดื่มกาแฟแต่รสที่ชอบเท่านั้น คั่วแบบนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ กลั่นช็อตออกมาที่เวลาเท่านี้ถึงจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งดัดจริตมาก!! ใช่ครับผมรู้ตัวดี…มันจึงเป็นนิสัยเสียที่ติดตัวมาจากเชียงใหม่ซึ่งมีร้านกาแฟที่ถูกปากผมหลายร้านแถมยังเดินทางไปดื่มได้สะดวกแต่พอย้ายมาทำงานที่บางกอก การหากาแฟที่รสถูกปากสักร้านช่างเป็นไปได้ยากเย็น เข้าห้างก็มีแต่กาแฟแบรนด์ใหญ่ๆ จะออกนอกเส้นทางรถไปฟ้าก็ไปไม่เป็นไม่มีรถส่วนตัว ทำให้ได้ดื่มแต่กาแฟที่รสไม่ถูกปาก นั่นก็คั่วเข้มแล้วมาชงร้อนเหมือนให้ม้ากิน นั่นก็เบาบางไปหรือบางร้านสั่งเอสเพรซโซ่แต่เหมือนกินไมโลผสมเนสกาแฟ โว๊ะ! ดัดจริตมาก! …ส่วนพวกแกก็อย่าเอาเปรียบคนกินกาแฟนักสิฟระ! (ขอบ่นนิดนึง)

sketch-3

แต่แล้ววันนึงชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ เพื่อนผมคนนึงเค้าได้แนะนำว่าถ้าอยากกินกาแฟทำไมไม่กินที่ร้านสตาร์บัคส์ล่ะ …แน่นอนว่าในใจผมต่อต้านเนื่องมาจากในอดีตเคยลิ้มลองไปหลายแก้วแต่ไม่เคยเป็นที่ถูกใจแม้แต่เมนูเดียว ราคานั้นก็แสนแพง มีแต่กาแฟเด็กเล่นน้ำหวานเต็มแก้วจนไม่ได้รสกาแฟ เกลียด!! แต่คราวนี้เพื่อนผมก็แนะนำว่าทำไม่ลองกาแฟเมนูนี้ดูล่ะ ถึงไม่เป็นกาแฟแบบอิตาเลียนแท้ๆ แต่รสชาติดีรับรองว่าต้องติดใจแน่ นั่นก็คือ Hot Caramel Macchiato ผมเลยสั่งด้วยความคาดหวังว่ามันจะเป็นแก้วช็อตเล็กเหมือน Macchiato แบบอิตาเลียน ซดน้อยแต่พอดีมีนมหน่อยให้พออยู่ท้อง แต่กลับกลายเป็นว่ากาแฟแก้วนี้เสริฟมาเป็น “โอ่ง” ครับ!! ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอคำว่า Macchiato ของไอร้านนี้มันจะเสริฟมามากมายขนาดนี้ เรียกได้ว่ากินอิ่มยันอ้วกได้เลย แต่ไหนๆ แล้วก็ขอลองลิ้มชิมรสสักหน่อยนะ

…ข้าขอคุกเข่าลงแต่เทพีกาแฟ…อร่อยมาก!! เมนูกาแฟแก้วนี้อร่อยเสียจริงจนผมต้องประหลาดใจ ถึงแม้ไม่ใช่กาแฟแบบต้นฉบับที่แท้จริงแต่เป็นการปรับสูตรให้เกิดเมนูที่ทำให้สามารถดื่มกาแฟได้ง่าย สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัยซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งที่มัดใจแฟนๆ สตาร์บัคส์เค้าหล่ะ เอสเพรซโซช็อตรสนุ่ม เทลงในนมร้อนที่สตีมเป็นอย่างดี ราดหน้าด้วยคาราเมลเข้มข้นหวานมันสูตรพิเศษของทางร้าน ทำให้กาแฟแก้วนี้อร่อยสามารถดื่มได้ง่าย ไม่จะกลางวันหลังมื้ออาหาร หรือจะเป็นหัวค่ำก่อนกลับบ้านเข้านอน กาแฟอุ่นๆ แก้วนี้ช่างเหมาะในทุกช่วงเวลาเสียจริง เข้าร้านครั้งหน้าลองสั่งกันได้นะครับรับรองว่าจะไม่ผิดหวัง(แถมอ้วนน้อยกว่ากาแฟปั่นกาแฟเย็นด้วยนะเอ้อ!)

sketch-1sketch-2

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดสตาร์บัคส์เข้าเส้นก็คือ “วัฒนธรรมที่ลูกค้าปฏิบัติ” ครับ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งแช่ของลูกค้าตั้งแต่เช้ายันบ่ายด้วยน้ำมะนาวแก้วเดียว การติวหนังสือหรือขายตรงที่ทำกันแบบไม่เกรงใจใคร การถ่ายรูปแก้วกาแฟที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมใดตีลังกาหรือนอนเหยียดบนพื้นก็ล้วนแล้วแต่จะมีโลโก้ของสตาร์บัคส์หันเข้ากล้องอยู่เสมอจนดู “ยิ่งกว่าจงใจ” หรือล่าสุดจะเป็นการนั่งสเก็ตช์ในร้านโดยที่กาแฟหมดแก้วไปนานแล้วแต่ยังไม่ลุกเสียที(อุย!) ทีแรกผมก็สงสัยว่าไอเรื่องพวกนี้มันอะไรของมันวะ? แต่พอมองและคิดดูอย่างถ้วนถี่แล้วต้องถือว่ากาแฟแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ทีเดียว ลูกค้ามีความภูมิใจที่ได้เข้ามาใช้บริการ ดึงลูกค้าให้อยู่ในร้านได้นานซึ่งมีโอกาสที่จะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มได้ในภายหลัง(ข้อนี้ยังคงเป็นที่สงสัย) สามารถโปรโมทแบรนด์ผ่านลูกค้าได้โดยสมัครใจและไม่ต้องมีรางวัลมาเป็นข้อตกลง แถมทางร้านยังมีบริการให้เราได้ลองชิมกาแฟแปลกใหม่รวมถึงขนมจากทางร้านด้วยความเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเสมือนมาร้านกาแฟของเพื่อนที่รู้จักและอยากที่จะกลับมาอีกครั้งในโอกาสหน้า ทั้งหมดคือความเจ๋งของสตาร์บัคส์ที่ผมชื่นชอบและอดอมยิ้มไม่ได้ทุกทีเมื่อเข้ามาดื่มกาแฟในร้านและก็เห็นสาวๆ ถ่ายรูปตัวเองคู่กับแก้วกาแฟลงอินสตาแกรม นี่แหละครับคือ Starbucks Culture ที่น่าสนใจเสียจริง

อุปกรณ์ที่ใช้ :

สวรรค์กลางมหานคร Costa ร้านกาแฟที่ผมหลงรัก

ใครที่ตามอ่านสเก็ตช์หรือว่าตามทวิตเตอร์ตามอินสตาแกรมของผมคงจะพอทราบใช่ไหมครับว่าผมเป็นคนที่เสพติดกาแฟจนเรียกได้ว่าต้องดื่มทุกวันหลังอาหารเลยก็ว่าได้ เมื่อตอนที่ยังอยู่เชียงใหม่ผมก็ต้องออกไปชิลกาแฟไปสเก็ตช์อยู่บ่อยๆ แต่ทีนี้เมื่อย้ายมาทำงานที่บางกอก(ชั่วคราว) การจะหาร้านกาแฟ “ที่ถูกใจ” สักร้านมันช่างยากเย็นยิ่งนักหากไม่ใช่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าก็แทบจะเรียกได้ว่าหาทางไปไม่เป็นเลยทีเดียว

ไม่ใช่ว่าร้านกาแฟในห้างหรือร้านอื่นๆ ในบางกอกจะไม่ใช้กาแฟคุณภาพดีนะครับอย่าเข้าใจผิดแต่ผมเป็นคนที่ “ติดรสกาแฟ” คือจะมีรสที่ผมชอบดื่มเป็นพิเศษซึ่งไอรสนี้มันก็ไม่ได้ราคาแพงระดับ Starbuck อะไรหรอกนะแต่เคัาไม่ค่อยเอามาขายกันเท่านั้นเอง ผมเลยหากาแฟดื่มในแบบที่ถูกใจได้ยากนั่นเอง จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองที่ห้างพาราก้อนชั้นโรงทานเค้ามีเชนร้านกาแฟจากต่างประเทศมาเปิดครับชื่อร้านว่า Costa เป็นเชนชื่อดังจากอังกฤษ นี่จึงเป็นเหตุให้ผมพบสวรรค์ในที่สุด(ถ้าอยากอ่านเรื่องร้านกาแฟร้านนี้เพิ่มเติมก็รออ่านในอีกเว็บของผมได้นะ Coffee Walk ซึ่งไม่ได้อัพมาชาตินึงล่ะครับ ก็ลุ้นกันต่อไปว่าไอคนเขียนมันยังจะเขียนต่อหรือเปล่านะ -.,-)
costa-1ผมดื่มกาแฟอยู่แค่ไม่กี่เมนูครับและที่ต้องสั่งแน่ๆ หากต้องการลองกาแฟร้านใดๆ ก็ตาม เมนูนี้ก็คือ Doppio Espresso ร้านนี้ราคาราคา 85 บาทครับ รสชาติไม่ต้องพูดถึงเะราะถูกใจเป็นที่สุด! นุ่มลิ้นลื่นคอและไม่เปรี้ยวจนเกินไป แค่เพียงกาแฟหยดแรกหยดลงบนปลายลิ้น ดวงตาทั้งสองข้างของผมก็เบิกโพล่งเสมือนได้เห็นแสงสะท้อนเนินอกของนางฟ้าที่บินล่องลงมาจากสวรรค์…แต่เว็บนี้มันเป็นเว็บสเก็ตช์นี่! พอๆ ไม่เขียนเรื่องกาแฟแล้ว! ว่าแต่ว่า…เห็นถ้วยซอฟต์ครีมชาเขียว-ถ่านข้างหลังมั้ยครับ? อันนี้มันเป็นทริคนะครับคือว่าถ้าอยากไปสเก็ตช์นอกบ้านแต่คุณดันพกแฟนติดตัวมาด้วย(พูดซะอย่างกับเป็นหมากระเป๋า -.,-) วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เธอนั่งนิ่งๆ นั่งเงียบๆ ไม่บ่นเวลาที่เราสเก็ตช์นานๆ ก็คือต้องซื้ออะไรมาให้กินให้ถ่ายรูปครับ เป็นการซื้อเวลาให้เราได้มากโขนะ

ผมเริ่มสเก็ตช์โดยเลือกมุมที่ผมคุ้นเคยที่สุดของรัานนี้ครับ ฝาผนังที่มีกรอบรูปอุปกรณ์ชงกาแฟแปะอยู่และอีกจุดหนึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรัาน Costa นี้ก็คือโคมไฟมีแดงสดสีเดียวกับโลโก้ของร้านครับ ผมจึงไม่รอชัา ใช้เวลาขณะที่หมากระเป๋า เอ้ย! ยัยแฟนกำลังถ่ายรูปถ้วยซอฟต์ครีมและจ้วงตักกินนั้นมาสเก็ตช์ครับ
costa-2 ผมใช้เวลาสเก็ตช์ค่อนขัางนานครับสำหรับภาพนี้ น่าจะใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงได้ ผมสเก็ตช์ช้าๆ เก็บรายละเอียดของโคมไฟ กรอบรูปแต่ละรูปและก้อนอิฐบนผนังจนแล้วเสร็จก็เงยหน้าไปมองยัยแฟน…คิ้วเริ่มเลื่อนมาชนกันหน่อยๆ ล่ะ ผมจึงรู้ชะตากรรมว่าถ้ายังจะลงสีต่อผมคงได้ไปเป็นศิลปินเอกบนสววรค์แน่ๆ ครับ ;_;)/

costa-3

กลับถึงบ้านก็คิดที่จะลงสีแต่แล้วเวลาก็ผ่านไปหลายวันกว่าจะหาเวลาลงสีได้ เปิดดูรูปที่ถ่ายไว้บน ไอโฟน4 ของรักของขัา~ เพื่อให้ลงสีได้โดยไม่ผิดเพี้ยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับถึงจะเสร็จสิ้น สเก็ตช์ภาพนี้ก็ออกมาสมบูรณ์ตามที่นึกไว้ ผมชอบสีสันของรัานกาแฟร้านนี้จริงๆ เลย

ผมขอแนะนำร้านกาแฟร้านนี้นะครับอยากให้ลองมากันสักครั้งนึง เพราะไม่ว่าคุณจะไปสเก็ตช์หรือจะแค่ไปจิบกาแฟก็ตาม คุณจะต้องได้รับความสนุกและเพลิดเพลินแน่ๆ บรรยากาศของร้านกาแฟที่เปิดโล่ง นั่งดูผู้คนเดินผ่านไปมาพร้อมสูดกลิ่นกาแฟที่หอมหวาน และแน่นอนโดยเฉพาะความสุขที่ปลายลิ้นได้สัมผัสกับกาแฟรสนุ่มจากร้านนี้ ช่างเป็นวันหยุดที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เลยครับ เห็นด้วยมั้ย?

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

รูปวาดโบราณสถานที่ถูกย้อมด้วยกาแฟ

รูปวาดโบราณสถานที่อยุธยา ผมวาดจากภาพถ่ายอีกที แล้วย้อมด้วยกาแฟ ให้กระดาษเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาล เอาไปตากให้แห้ง แล้วลงสีน้ำอีกที เพื่อให้มีแสงเงา เพิ่มมิติของรูป ดูขลังดีนะครับ ^^

31938250xy8

เป็นเทคนิคที่น่าสนใจ น่าลองทำตามมากเลยครับ@hackhq

 

กาแฟถ้วยโปรดที่ร้าน The Coffee Club

ใครหลายคนอาจจะเคยได้อ่านที่ผมรีวิวร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ The Coffee Club ลงในบล็อกกาแฟอีกแห่งของผม Coffee Walk ไปแล้ว แต่วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงอีกมุมหนึ่งครับ นั่นก็คือการสเก็ตช์!

ร้านกาแฟร้านนี้ผมเห็นมาจากคุณ @kangg นั่นแหละครับเพราะเค้าไปบ่อยแถมแต่ละเมนูที่สั่งมาก็น่าดื่มทั้งนั้น พอร้านนี้มาเปิดสาขาที่ประตูท่าแพ เชียงใหม่ ผมก็อดไม่ได้เลยที่จะต้องไปลองลิ้มชิมรสกาแฟเคล้ากลิ่นหอม และแน่นอนกาแฟแก้วแรกที่ผมจะสั่งมาดื่มก็คือ Long Macchiato นั่นเองครับ! เสริฟแก้วใสวางมาบนกระดาษเช็ดปากได้มุมสวยงามพอดิบพอดีพร้อมเสียงกล่าวดัวฟัวชัดจากพนักงานว่า Enjoy your drink! อ..โอเคครับ เอนจอยสเก็ตช์ชิ่งด้วยเลยละกันนะ

the coffee club-1

ผมลงมือสเก็ตช์กาแฟแก้วนี้ในครั้งแรกที่ไปเยือนร้านครับ และเนื่องจากเวลาจำกัด ผมจึงได้แต่เพียงสเก็ตช์แค่กาแฟแก้วนี้แก้วเดียว

the coffee club-4 the coffee club-5

ต่อมาภายหลัง ผมจึงได้มีโอกาสไปดื่มกาแฟที่นี่อีกครั้งเนื่องด้วยเพราะยัยแฟนมันอยากกินเค้กเสริมความอ้วนสักหน่อย ผมจึงไม่รอช้าเลี้ยวรถปีนทางเท้าขึ้นไปจอดหน้าร้านเลย แต่มาคราวนี้ถึงแม้จะสั่งกาแฟเมนูเดิมแต่ไม่ขอสเก็ตช์แก้วกาแฟล่ะ ขอนั่งมองหาสิ่งที่น่าสนใจและนำมาสเก็ตช์ดีกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่าร้านนี้ตั้งอยู่หน้าประตูท่าแพเลย ผมจึงจะสเก็ตช์อะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากกำแพงเมืองฝั่งนี้ครับ

the coffee club-2

the coffee club-3

สเก็ตช์เสร็จก็หันกลับมาที่โต๊ะที่สั่งโอรีโอ้ชีสเค้กไว้ แต่ยัยแฟนก็ยังคงกินไม่หมดทั้งที่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว คอยแต่เอาปลายช้อนค่อยๆ แคะค่อยๆ เล็มชีสเค้กออกมาทีละนิดๆ ผมก็ถามว่าทำอะไรทำไมไม่กินล่ะ คำตอบที่ได้กลับมาคือกลัวอ้วนเลยไม่กินตรงโอรีโอ้ ขอกินแต่ตรงชีสละกันนะ …อืมมม กินตรงชีสไม่อ้วนนี่เองได้ความรู้ใหม่แหะ

นั่งร้านกาแฟวันนี้ได้สเก็ตช์มาสองภาพพร้อมกับการเขียนบันทึกเล็กๆ ลงไปบนภาพด้วย ผมว่าผมได้รับอิทธิพลมาจากคุณภาคภูมิ มารีพิทักษ์ที่มักจะสเก็ตช์ในรูปแบบของ sketch journal ได้บันทึกทั้งรูปและข้อความ เปิดกลับมาดูอีกครั้งก็นึกเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ผมชอบมากเลยครับ

หากคุณได้มีโอกาสนั่งรัานกาแฟครั้งหน้า ลองหยิบสมุดปากกาขึ้นมาสเก็ตช์สิ่งต่างๆ รอบตัวดูนะครับแล้วคุณจะชอบ ผมว่ามันเป็นวิธีการซึมซับบรรยากาศรอบตัวที่ดีอีกวิธีนึงเลยล่ะ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

นั่งรอในรถคุณทำอะไร? ผมสเก็ตช์ครับ!

วันนี้มาส่งแฟนทำธุระครับ เห็นว่าน่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ขี้เกียจลงไปด้วยเลยรอในรถดีกว่า ทีแรกกะว่าจะงีบหลับหน่อยเพราะช่วงนี้ทำงานดึกมาก(ที่จริงเขียนบล็อก) แต่ไปๆ มาๆ ไม่เอาดีกว่า อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งทีขอสเก็ตช์หน่อยละกัน

ผมเคยเห็น sketcher ในต่างประเทศหลายท่านมักจะสเก็ตช์ภาพทั้งในรถไฟ รถบัส เครื่องบินหรือแม้กระทั่งรถยนต์ส่วนตัวมาแล้วซึ่งผมเห็นว่ามันเป็นหัวข้อในการสเก็ตช์ที่น่าสนใจมาก มันมีความท้าทายหลากข้ออยู่นะไม่ว่าจะเป็น รถมันกำลังเคลื่อนที่อยู่ สภาพแวดล้อมที่ไม่ชิล พื้นที่แคบ และหามุมมองที่น่าสนใจได้ยาก ซึ่งแน่นอนว่าหากเราสามารถข้ามผ่านทุกข้อนี้ได้ ภาพๆ นี้ก็จะต้องเป็นสเก็ตช์ที่สุดยอดแน่นอน …ผมจึงหาญกล้าขอใช้ฝีมืออันน้อยนิดลองเสียหน่อยครับ

car-raw

ผมเริ่มแรกโดยการวาดตัวสมุดก่อนครับจากนั้นจึงวาดขาและเสื้อของตัวเอง วาดไปวาดมาก็นึกขึ้นได้ เห้ย! ลืมวาดมือตัวเองเฟ้ย! เลยกลายเป็นว่าเหมือนเอาสมุดมาปิดปอนด์น้อยเลย T_T จากนั้นจึงเริ่มวาดขยายจากตัวเองออกไปรอบๆ วาดที่วางของด้านหน้า ลามไปฝั่งประตูแล้วก็แผงเครื่องเล่นซีดี สุดท้ายมาจบที่เกียร์ ผมมาคิดๆ ดูแล้วไอที่เราวาดนี่มันออกแนวมุมกว้างนี่หว่าคือตอนที่เรานั่งอยู่นรถนี่เราไม่สามารถเห็นมุมมองนี้ได้จากการมองไปด้านหน้าทางเดียว แต่มันเป็นการประกอบของมุมมองที่เรามองไปรอบๆ ด้วยนี่เอง สเก็ตช์ที่ได้มันเลยดูโค้งๆ นั่นเองครับ

car-web

วาดจนเสร็จแฟนก็กลับมาพอดีครับเลยเก็บไว้ลงสีต่อที่บ้าน คืนนั้นใช้เวลาลงสีไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้แต่ดีที่ผมถ่ายรูปมาด้วยเพราะไม่อย่างนั้นคงจำไม่ได้ว่าแสงและเงามันเป็นอย่างไร ซึ่งรูปที่ได้ก็อย่างที่เห็นครับ สนุกดีแหะ

ผมอยากเชิญชวนให้หลายๆ ท่านลองสเก็ตช์ภาพในรถดูนะครับ อาจจะเป็นรถบัส รถไฟฟ้า หรือจะบนเครื่องบินก็ได้ ผมว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และท้าทายดีนะครับ สเก็ตช์ไปแล้วก็เพลินดีด้วยครับ ลองดูๆ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newtonwaterbrush ของ Pentel

ร้านกาแฟเจ้าประจำกับมุมนึงของร้านที่ไม่เคยเห็น

หลายคนคงจะเคยเห็นสเก็ตช์ไปแล้วเพราะผมโพสไว้ทั้งใน อตก และเพจของ B.B.Blog แต่ผมยังไม่เคยเล่าเรื่องราวของภาพนี้ที่ไหนแน่ๆ และวันนี้ได้ฤกษ์ดีเปิดเว็บใหม่ Sketchland Yard เลยขอเล่าถึงหน่อยละกันนะ

สเก็ตช์นี้วาดในวันหลังจากที่อัพบล็อกตอนสมุด Rhodia ได้ 1 วันครับ เพื่อนผม(หญิงโสดหาแฟนยังไม่ได้..ขอไม่เอ่ยนาม)มันเปลี่ยวใจอะไรไม่รู้โทรมาบอก “ไปกินกาแฟกันเหอะ! กูเบี่ยมากกกก” อ..โอเค ไปก็ไป ทานข้าวเสร็จจึงเดินทางไปร้านกาแฟเจ้าประจำ Pacamara ครับ และแน่นอนว่าจะต้องไม่ลืมที่จะพกสมุดไปด้วยเผื่อเอาไว้สเก็ตช์รูป…คงคิดว่าผมจะเอา Moleskine ไปซินะครับแต่ผิดครับ! ผมเอา Rhodia ไปแทนต่างหาก ก็มันเห่อ!

ถึงร้านก็ได้โต๊ะตัวใหญ่นั่งด้านในสุดกางแขนกางขาได้สบายๆ สั่งกาแฟแก้วเล็กๆ มาจิบให้หายง่วงเพราะเมื่อคืนก่อนเพิ่งอัพบล็อกดึกดื่นไป จิบจนหมดจึงเริ่มต้นสเก็ตช์

1

ถึงแม้จะมาร้านนี้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยเข้ามานั่งหลังร้านเลยเพราะปรกติจะนั่งด้านหน้าเพื่อดูสาวๆ ตลอด แต่วันนี้ได้เปลี่ยนโต๊ะนั่งทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ของร้านที่มีการตกแต่งได้อย่างแปลกตา ผนังอิฐซ้ายสีน้ำตาลขวาสีขาวช่างต่างกันยิ่งนัก มีการทำชั้นเพื่อวางขายน้ำเชื่อมที่ทางร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายเอาไว้ด้วย หรือจะเอากระสอบที่ใช้ใส่เมล็ดกาแฟมาเย็บติดไว้กับผนังร้านเพื่อความสวยงามอีก …แปลกดี แบบนี้ต้องขอสเก็ตช์

scan-pacamara-web

ผมใช้เวลาวาดอยู่นานทีเดียวครับ ใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่ากับการวาดเส้นอย่างเดียว แล้วก็ต้องกลับไปทำงานต่อที่ออฟฟิศ ดังนั้นเพื่อให้ผมสามารถลงสีน้ำได้อย่างถูกต้องผมจึงได้ถ่ายรูปมุมนั้นของร้านเอาไว้ด้วย ป้องการลืมหากต้องลงสีภายหลัง …ตกดึกคืนนั้นจึงได้ลงสีเสียที ลงสีน้ำคราวนี้เกร็งแหะเพราะผมกลัวลงสีแล้วเน่าพาลจะเสียไปหมดทั้งรูปทำให้ครั้งนี้ผมจึงตั้งใจลงสีเป็นพิเศษ ก็ใช้เวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมงได้ รวมแล้วรูปนี้ใช้เวลาไปตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า …เมื่อเห็นว่าสวยเป็นที่น่าพอใจแล้ว จึงผึ่งลมแล้วเก็บเข้ากระเป๋ารอให้ถึงวันพรุ่งนี้

3

วันรุ่งขึ้นผมกลับไปที่ร้านกาแฟอีกครั้งครับ ไม่ใช่อะไรหรอกผมแค่อยากจะถ่ายรูปเทียบสเก็ตช์กับตัวร้านจริงๆ เท่านั้นแหละ ซึ่งตอนนั้นก็มีลูกค้าชาวต่างชาติมายืนดูด้วยนะ …อายหว่ะ แต่ผมก็ถ่ายต่อไปก็คนมันมั่นเพราะคิดว่าชาตินี้คงวาดและลงสีแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นถ่ายไปเลย!!

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, waterbrush ของ Pentel