Tag: monologue

Office

มือใหม่ค่ะ เพิ่มเริ่มสเก็ตช์ได้ไม่นาน พยายามจะวาดสิ่งที่พบเจอรอบตัวให้ได้บ่อยๆ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ^^
รูปนี้แอบวาดรุ่นพี่ในที่ทำงานค่ะ ลงเส้นไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาลงสีทีหลังค่ะ
office-1

office-2
อุปกรณ์
– สมุด Monologue
– ปากกา pigment sakura 005 , 03
– สีน้ำ Winsor & Newton Cotman และ Van Gogh (บางสี)

สเก็ตช์สด จากทริปแอ่วเหนือ

จัดน้อง Monologue มาแล้ว เลยลองเอาออกทริป คู่กะปากกา Pigma Micron 0.3 วาดสนุกดี ท้าทายตัวเองด้วยการสเก็ตช์จากปากกาโดยตรง แล้วก้อวาดสด และลงสีน้ำเดี๋ยวนั้น จากสิ่งที่เห็น ณ สถานที่จริงกันไปเลย ได้อารมณ์ดี

north-travel-1

north-travel-2

north-travel-3

north-travel-4

Pala Pizza Romana ร้านพิซซ่าที่ผมไปมาแล้วกว่า 87 ครั้ง

จั่วหัวก็เกินไป๊! ถึงผมจะชอบพิซซ่าร้านนี้มากมายขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้ไปถี่ถึงขนาดนั้นครับ อันที่จริงแล้วถ้าจำไม่ผิดผมไปทานมาแลัวน่าจะ 8 ครั้งได้(ในสองเดือน) ก็เนื่องจากพิซซ่ามันอร่อยมากกก วัตถุดิบที่ใช้ก็คุณภาพดี แถมยังสามารถสั่งทานแค่พออิ่มชิ้นเล็กๆ ได้ด้วย พิซซ่าราคาเพียงแค่ 100 บาทก็อิ่มหนำสำราญใจแล้วครับ (แต่ผมขอสองนะ)

pala-7เนื่องจากร้าน Pala Pizza Romana ร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบฝรั่งจ๋า ทำให้อะไรๆ ก็ดูน่าสเก็ตช์ไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน สินค้าที่วางขาย รวมถึงเมนูอาหารแต่ละเมนูด้วย และถึงแม้ผมจะเสพติดพิซซ่าร้านนี้มากมายเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งที่ผมอยากสเก็ตช์ที่สุดกลับเป็นอาหารจานสลัดครับ ก็เนื่องจากความสดใสของสีสันวัตถุดิบ รวมถึงการจัดวางแบบ “ไร้กระบวนท่า” …หรือก็คือเอามาขยำๆ รวมๆ กันนั่นเองครับ ทำให้สลัดแต่ละจานนั้นน่าทานและน่าสเก็ตช์เป็นที่สุด

pala-1

Burrata Caprese

เมนูแรกเป็นเมนูที่ผมไปทานมาเมื่อเทศกาล “มายโลนลี่วาเลนไทน์” ที่ผ่านมาครับ Burrata Caprese มันคือสลัดมะเขือเทศครับ ฝานมะเขือเทศลูกขนาดกำลังพอเหมาะเป็นแผ่นหนา วางลงบนจานพร้อมกับผักร๊อคเก็ต ราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อยพร้อมเติมแต่งรสชาติเข้มข้นด้วยน้ำส้มบัลซามิก ปิดท้ายด้วยพระเอกคนสำคัญของสลัดจานนี้ก็คือชีสควาย…เอ่ออ…ชีสนมควายหรือก็คือ Burrata Cheese ที่วางมาทั้งก้อนเหมือนเชฟเขาขี้เกียจครับ ค่อยๆ เอามีดฝานตัดก้อนชีสก้อนใหญ่นี้ให้น้ำนมที่คงเหลืออยู่ภายในไหลออกมา จิ้มชิ้นชีสที่ชุ่มฉ่ำทานคู่ไปกับมะเขือเทศที่อาบพรมไปด้วยบัลซามิก รสชาติของนมผสมกับความหวานของมะเขือเทศและความเปรี้ยวของบัลซามิก สลัดจานนี้อร่อยจนยากที่จะหาคำบรรยายมาบอกกล่าวเลยหล่ะครับ

pala-2

Bio Red Honey Tomato Salad

เมนูสลัดจานที่สองก็คือ Bio Red Honey Tomato Salad วันนี้ผมไปทานกับเพื่อนครับนั่นก็คือคุณวิ @pi_pooh สเก็ตช์เชอร์ทาสแมวและอาหารยั่วน้ำลายของเรานั่นเอง เรื่องของเรื่องคือผมได้เคยโม้กับคุณวิไว้เยอะมากว่าพิซซ่าร้านนี้อร่อยนักอร่อยหนา คุณวิฟังแล้วก็หน้านิ่วว่าจะเชื่อถือคำพูดของผมได้หรือไม่ จึงขอมาลองให้หายข้องใจกันไปเลยครับ สั่งพิซซ่าเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมื้อนี้แต่ตาของพวกเราเหลือบไปเห็นเมนูพิเศษประจำวันบนป้ายที่แขวนไว้เหนือบาร์…แล้วก็ลองสั่งดูครับ สลัดจานนี้เป็นสลัดมะเขือเทศสีส้ม…ซึ่งผมไม่ทราบจริงๆ ครับว่ามันคือพันธุ์อะไรกันแน่แต่ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่สามารถกินได้ …ผมก็กินไม่ยั้งอยู่แล้วครับ สลัดจานนี้เป็นสลัดหวาน เสริฟมาพร้อมกับชีส(อะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้)หันเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ คลุกเคล้าด้วยกันกับผักร็อคเก็ต แต่ที่ทำให้สลัดจานนี้มีรสชาติที่พิเศษเหนือใครนั่นก็คือน้ำผึ้งครับ จานนี้เป็นสลัดที่ราดน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหวานแต่กำลังพอดี ผสมผสานกับความหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ของมะเขือเทศ ตัดรสด้วยความเค็มเล็กน้อยจากชีส เผลอแป๊บเดียวสลัดจานนี้ก็หมดเกลี้ยงแบบไม่ทันรู้ตัวครับ

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะบอกว่าไหนว่าชอบพิซซ่าแต่ไม่เห็นมีสเก็ตช์รูปพิซซ่ามาอวดกันบ้างเลย …ผมต้องขออภัยจริงๆ ครับที่ไม่มีสเก็ตช์พิซซ่าเหล่านั้นมาให้ได้ชม งั้นขอแก้ตัวด้วยการนำรูปถ่ายที่ “ไม่ได้ตั้งใจถ่าย” มาให้ดูกันแล้วกันนะครับ 😉

ที่มีปลาเค็มคือ Ciociara อันหลังที่แฮมบานๆ คือ Toscana

ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Boscaiola

Brie & Speck อันนี้เมนูโปรดของผมครับ ส่วนอันหลังอะไรไม่รู้น่าจะ Capricciosa (มั่ว)

Bio Red Honey Tomato Salad

อ้อ! เกือบลืมบอกครับ ร้านนี้เดินทางไปไม่ยากเลยครับ นั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานีอโศก หรือรถไฟใต้ดินมาที่สถานีสุขุมวิท ตรงบันไดเลื่อนทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟใต้ดินมายังบนดิน(บริเวณที่มีม็อบ ข้างร้านโดนัท บันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปห้างเทอมินัล 21) หยุดยืนสักพักเพื่อสูดกลิ่นหอมจากเตาอบครับ แล้วคุณจะทราบเองว่าเดินตรงไปอีกสักนิดร้าน Pala Pizza Romana ก็กำลังรอคอยให้คุณเข้าไปลิ้มชิมรสพิซซ่าที่แสนอร่อยอยู่ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้

เว็บไซต์ของร้านpalapizzabangkok.com

ขอขอบคุณ : รูปถ่ายสวยๆ จาก @itidtie ด้วยนะครับ นี่ชั้นต้องพาเธอไปเลี้ยงไหมเนี่ยะ?

ไปเที่ยวหลีเป๊ะไหมครับ

เพึ่งมีโอกาสได้ไปพักผ่อนช่วงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาครับ

00-COVER

A-01เริ่มทริปด้วยการเดินทางจาก หาดใหญ่ นั่งรถไปท่าเรือปากบารา ประมาณ 2 ชั่วโมง นาน เลยมีเวลาสเก็ตช์ เส้นสั่นมาก เพราะรถกระเด้งในบางเวลา จริงๆ ส่วนใหญ่ก็ชอบวาดรูปตอนรอนี่แหละครับ

A-02เสร็จแล้วก็ต่อด้วยเรือเฟอรี่ อีก 1 ชั่วโมง 45 นาที เพื่อไปสู่เกาะหลีเป๊ะกับรีสอร์ต ชื่อ Serendipity รีสอร์ตอยู่สุดหาด

มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก อยู่บนเขา ห้องใครห้องมัน ห้องผมเบอร์ 11 เป็นห้องที่ใหม่ที่สุด เพราะอยู่สูงที่สุดนั่นเอง

A-03 A-04มาถึงแล้วระหว่างรอเพื่อนแต่งตัว ก็สเก็ตช์สักหน่อย

A-05วันถัดไป นั่งรอเพื่อนเพื่อทานอาหารเช้าพร้อมกัน ก็จัดสเก็ตช์ไปอีก ก่อนที่จะไปดูปลา ดำน้ำทั้งวี่วัน

A-06ตกดึก เม๊าท์มอยส์ แล้วเผอิญเหลือบไปเห็น แผนภูมิปลาทะเลย เลยพยายามวาดตามกับเพื่อน แล้วก็ลงสี

ดูแปลกตาไปบ้าง แต่ก็เป็นการบันทึกความทรงจำที่ดีนะครับ 🙂 จริงๆ จะบอกว่า ปกติวาดสวยกว่านี่ 55

ART+DEJ

อุปกรณ์ใหม่
– ปากกา LAMY หัว M กับหมึก Platinum Carbon Ink ครับ

ผมเกลียด Starbucks!

แฟนพันธุ์แท้สตาร์บัคส์คนไหนอ่านแค่หัวข้อตอนนี้แล้วอยากจะเข้ามาไฝ้ว์กับผมขอให้อ่านให้จบก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเมื่อยนิ้วเพราะมัวแต่พิมพ์มาม่า

หลายคนคงทราบดีครับว่าไอตัวกระผมนั้นเป็นคนที่เสพติดกาแฟเป็นอย่างมาก วันใดไม่ได้สูบกาแฟเข้ากระแสเลือดวันนั้นแทบเรียกได้ว่าสถานะทางอารมณ์เหมือนผีชีวะเลยทีเดียว มันไม่สดชื่น โลกมืดหม่นมัวหมอง อะไรก็ดูเชื่องช้าไปเสียหมด…เฮ้อ…นอนในออฟฟิศมันเลยเสียดีกว่า

การที่ผมเสพติดกาแฟในความหมายคือผมติดรสกาแฟครับ เลือกดื่มกาแฟแต่รสที่ชอบเท่านั้น คั่วแบบนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ กลั่นช็อตออกมาที่เวลาเท่านี้ถึงจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งดัดจริตมาก!! ใช่ครับผมรู้ตัวดี…มันจึงเป็นนิสัยเสียที่ติดตัวมาจากเชียงใหม่ซึ่งมีร้านกาแฟที่ถูกปากผมหลายร้านแถมยังเดินทางไปดื่มได้สะดวกแต่พอย้ายมาทำงานที่บางกอก การหากาแฟที่รสถูกปากสักร้านช่างเป็นไปได้ยากเย็น เข้าห้างก็มีแต่กาแฟแบรนด์ใหญ่ๆ จะออกนอกเส้นทางรถไปฟ้าก็ไปไม่เป็นไม่มีรถส่วนตัว ทำให้ได้ดื่มแต่กาแฟที่รสไม่ถูกปาก นั่นก็คั่วเข้มแล้วมาชงร้อนเหมือนให้ม้ากิน นั่นก็เบาบางไปหรือบางร้านสั่งเอสเพรซโซ่แต่เหมือนกินไมโลผสมเนสกาแฟ โว๊ะ! ดัดจริตมาก! …ส่วนพวกแกก็อย่าเอาเปรียบคนกินกาแฟนักสิฟระ! (ขอบ่นนิดนึง)

sketch-3

แต่แล้ววันนึงชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ เพื่อนผมคนนึงเค้าได้แนะนำว่าถ้าอยากกินกาแฟทำไมไม่กินที่ร้านสตาร์บัคส์ล่ะ …แน่นอนว่าในใจผมต่อต้านเนื่องมาจากในอดีตเคยลิ้มลองไปหลายแก้วแต่ไม่เคยเป็นที่ถูกใจแม้แต่เมนูเดียว ราคานั้นก็แสนแพง มีแต่กาแฟเด็กเล่นน้ำหวานเต็มแก้วจนไม่ได้รสกาแฟ เกลียด!! แต่คราวนี้เพื่อนผมก็แนะนำว่าทำไม่ลองกาแฟเมนูนี้ดูล่ะ ถึงไม่เป็นกาแฟแบบอิตาเลียนแท้ๆ แต่รสชาติดีรับรองว่าต้องติดใจแน่ นั่นก็คือ Hot Caramel Macchiato ผมเลยสั่งด้วยความคาดหวังว่ามันจะเป็นแก้วช็อตเล็กเหมือน Macchiato แบบอิตาเลียน ซดน้อยแต่พอดีมีนมหน่อยให้พออยู่ท้อง แต่กลับกลายเป็นว่ากาแฟแก้วนี้เสริฟมาเป็น “โอ่ง” ครับ!! ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอคำว่า Macchiato ของไอร้านนี้มันจะเสริฟมามากมายขนาดนี้ เรียกได้ว่ากินอิ่มยันอ้วกได้เลย แต่ไหนๆ แล้วก็ขอลองลิ้มชิมรสสักหน่อยนะ

…ข้าขอคุกเข่าลงแต่เทพีกาแฟ…อร่อยมาก!! เมนูกาแฟแก้วนี้อร่อยเสียจริงจนผมต้องประหลาดใจ ถึงแม้ไม่ใช่กาแฟแบบต้นฉบับที่แท้จริงแต่เป็นการปรับสูตรให้เกิดเมนูที่ทำให้สามารถดื่มกาแฟได้ง่าย สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัยซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งที่มัดใจแฟนๆ สตาร์บัคส์เค้าหล่ะ เอสเพรซโซช็อตรสนุ่ม เทลงในนมร้อนที่สตีมเป็นอย่างดี ราดหน้าด้วยคาราเมลเข้มข้นหวานมันสูตรพิเศษของทางร้าน ทำให้กาแฟแก้วนี้อร่อยสามารถดื่มได้ง่าย ไม่จะกลางวันหลังมื้ออาหาร หรือจะเป็นหัวค่ำก่อนกลับบ้านเข้านอน กาแฟอุ่นๆ แก้วนี้ช่างเหมาะในทุกช่วงเวลาเสียจริง เข้าร้านครั้งหน้าลองสั่งกันได้นะครับรับรองว่าจะไม่ผิดหวัง(แถมอ้วนน้อยกว่ากาแฟปั่นกาแฟเย็นด้วยนะเอ้อ!)

sketch-1sketch-2

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดสตาร์บัคส์เข้าเส้นก็คือ “วัฒนธรรมที่ลูกค้าปฏิบัติ” ครับ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งแช่ของลูกค้าตั้งแต่เช้ายันบ่ายด้วยน้ำมะนาวแก้วเดียว การติวหนังสือหรือขายตรงที่ทำกันแบบไม่เกรงใจใคร การถ่ายรูปแก้วกาแฟที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมใดตีลังกาหรือนอนเหยียดบนพื้นก็ล้วนแล้วแต่จะมีโลโก้ของสตาร์บัคส์หันเข้ากล้องอยู่เสมอจนดู “ยิ่งกว่าจงใจ” หรือล่าสุดจะเป็นการนั่งสเก็ตช์ในร้านโดยที่กาแฟหมดแก้วไปนานแล้วแต่ยังไม่ลุกเสียที(อุย!) ทีแรกผมก็สงสัยว่าไอเรื่องพวกนี้มันอะไรของมันวะ? แต่พอมองและคิดดูอย่างถ้วนถี่แล้วต้องถือว่ากาแฟแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ทีเดียว ลูกค้ามีความภูมิใจที่ได้เข้ามาใช้บริการ ดึงลูกค้าให้อยู่ในร้านได้นานซึ่งมีโอกาสที่จะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มได้ในภายหลัง(ข้อนี้ยังคงเป็นที่สงสัย) สามารถโปรโมทแบรนด์ผ่านลูกค้าได้โดยสมัครใจและไม่ต้องมีรางวัลมาเป็นข้อตกลง แถมทางร้านยังมีบริการให้เราได้ลองชิมกาแฟแปลกใหม่รวมถึงขนมจากทางร้านด้วยความเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเสมือนมาร้านกาแฟของเพื่อนที่รู้จักและอยากที่จะกลับมาอีกครั้งในโอกาสหน้า ทั้งหมดคือความเจ๋งของสตาร์บัคส์ที่ผมชื่นชอบและอดอมยิ้มไม่ได้ทุกทีเมื่อเข้ามาดื่มกาแฟในร้านและก็เห็นสาวๆ ถ่ายรูปตัวเองคู่กับแก้วกาแฟลงอินสตาแกรม นี่แหละครับคือ Starbucks Culture ที่น่าสนใจเสียจริง

อุปกรณ์ที่ใช้ :

หมายิ้ม

เห็นวาดแต่แมว กลัวน้องหมาน้อยใจ เลยลองวาดหมาบ้าง

dog1

หมาปอม

dog2

ชิบะ อินุ เขาชื่อ Marutaro

ปล: ไม่ใช่รูปแรกที่วาด แต่วาดหลายรอบแล้ว ฝีมือจึงพัฒนา 🙂

อุปกรณ์ ที่ใช้ ก็เหมือนเดิมครับ
Monologue Sketchbook / A5/ 140G / 250-300 บาทนี่แหละ
– สีน้ำตลับ 12 สี ยี่ห้อ Daler Rowney ราคาประมาณ 600 บาท แถมมาพร้อมพู่กันเบอร์ 4

สเก็ตช์ความสุขเทศกาลคริสต์มาส ส่งท้ายปีเก่า 2013 ต้อนรับปีใหม่ 2014

หลังจากที่ให้สเก็ตช์เชอร์หลายท่านวาดลวดลายส่งผลงานสวยๆ มาอวดกันเยอะแยะมากมาย สเก็ตช์เชอร์สายขี้เกียจแบบผม(ไอสายนี้ควรจะปิดสำนักไปได้แล้วนะ!)จึงขอส่งผลงานบ้างครับเพราะกลัวผู้อ่านหลายท่านจะลืมกันไปเสียก่อนว่าไอหมอนี่มันสเก็ตช์กับเขาด้วย สเก็ตช์ตอนนี้เป็นสเก็ตช์ในช่วงของเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครับ ขอเล่าเรื่องเรียงตั้งแต่วันแรกเลยนะ

IMG_2703photo 2

เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแบบนี้ใครจะไปนอนอยู่บ้านเหงาๆ คนเดียวล่ะครับ มันต้องออกไปเจอเพื่อน!! ผมเลยนัดทานข้าวกินเหล้าเมายา(เกือบจะหล่อละแก!) กันที่ร้านคนรู้จักของเพื่อนผมครับชื่อร้านว่า X Wine Z : Wine Store & Bristro เป็นร้านไวน์ที่มีอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนไว้ให้ลิ้มลองครับ เมนูที่สั่งแต่ละอย่างก็ล้วนน่าทานทั้งนั้น และนี่เป็นเมนูที่นำมาให้ชมกันครับ Pan Fried Salmon with Truffle Cream Sauce …เพราะเมนูอื่นสเก็ตช์ไม่ทัน ซัดกันเหมือนแร้งลง!! ส่วนใครที่อยากไปลองทาน ผมก็ต้องขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะได้ทานที่นี้นะครับเพราะว่ามันเจ๊งไปแล้ว!! ไอบ้า! เค้าไม่ได้เจ๊ง!! คือตั้งแต่ปีใหม่ปี 2014 เป็นต้นไปเค้าเปลี่ยนมือเจ้าของครับและจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านไวน์เต็มตัว มีการสอนเรื่องไวน์ด้วยนะ ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับส่วนผมขอกินลีโอต่อไปละกัน คุ้นลิ้นกว่ากันเยอะ!

IMG_2708

photo 1

แน่นอนว่าตามร้านค้าหรือโรงแรมต่างๆ ก็ต้องมีการประดับประดาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเทศกาลที่แสนสุขแบบนี้ด้วย ที่พักผมก็เช่นกันครับ มีการนำต้นคริสต์มาสสีแดง(?) มาตั้งตกแต่งไว้ที่ล็อบบี้ด้วย ไอต้นคริสต์มาสสีแดงนี่ผมว่าไอเดียเค้าเข้าท่ามากครับ คือการเอาใบจากย้อมสีแดงมาเย็บเป็นวงไล่ขนาดตั้งแต่เล็กไปหาใหญ่วางซ้อนๆ กันจากโคนต้นไปจนถึงยอด ประดับดาวที่ปลายยอดและแขวนห้อยลูกบอลสีทองรอบๆ ต้น กลายเป็นต้นคริสต์มาสรูปแบบใหม่ที่ทั้งน่ารักและสวยงามไม่ซ้ำใครน่าสเก็ตช์เป็นที่สุด

photo 3

ขอคั่นด้วยรูปสเก็ตช์กากๆ ระหว่างการเดินทางกลับบ้านที่เชียงรายหน่อยครับ รูปนี้สเก็ตช์ระหว่างนั่งรอเครื่องบินส่วนตัวมารับที่สนามบินดอนเมืองครับ ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องตอน 3 ทุ่ม แน่นอนว่าปีนี้บางกอกก็หนาวไม่แพ้ที่ใดรวมถึงในสนามบินก็เช่นกัน ผมซึ่งเดินทางมาบางกอกแต่ตัวเปล่าไม่มีเสื้อกันหนาวจึงหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ (ทำไมไม่ซื้อล่ะ อ้อ! แกตังค์หมดเพราะเอาแต่ซื้อหมึกนี่เอง) จึงขอแก้หนาวด้วยการเลี้ยวเข้าร้านกาแฟเพื่อเติมความอุ่นให้แก่ร่างกายนิดนึง ระหว่างที่ดื่มกาแฟไปรอเครื่องบินไปผมก็นึกครึ้มว่าไหนๆ เราก็ได้แก้วกาแฟกระดาษมาแล้ว ขอลองสเก็ตช์ภาพบนแก้วดูหน่อยละกัน ผมก็ลงมือสเก็ตช์ๆๆ แล้วลงสีน้ำดูครับ ถึงแม้ว่าจะวาดยากเพราะมันโค้งๆ แล้วปากกาก็ไม่ค่อยติดแต่ว่าสนุกมากมายเลยครับ! การได้เห็นผลงานของเราปรากฎอยู่บนพื้นที่รูปแบบอื่นบ้างมันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ทีเดียวครับ

IMG_2712

ออกจากร้านกาแฟแล้วก็ย้ายมารอเครื่องบินที่หน้าเกทเพราะจวนได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว วันก่อนได้อ่านเรื่องราวของสเก็ตช์เชอร์ท่านนึงและเธอใช้ปากกา Sharpie ในการสเก็ตช์ ผมเลยลองหามาสเก็ตช์บ้างและนี่ก็เป็นผลงานจากปากกาด้ามนี้ครับ ผมไม่ค่อยชอบสัมผัสของหัวปากกาเวลาลงเส้นเท่าไหร่จึงทำให้วาดออกมาได้ไม่สวยเลยครับ…ขอโทษครับอันที่จริงฝีมือวาดคนของผมกากเองแหละ -.,- ปากกาด้ามนี้ออกไปในแนวปากกาเขียนแผ่นซีดีครับเรื่องกันน้ำจึงหายห่วง ส่วนนายแบบและนางแบบในภาพนี้เป็นคู่แต่งงานชาวต่างชาติและคนไทยครับ นั่งรอเครื่องบินนานทีเดียวตั้งแต่ก่อนผมขึ้นเครื่องจนผมขึ้นเครื่องแล้วเที่ยวบินของพวกเค้ายังไม่มาเลยครับ นี่แหละนะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาและคนที่มีเครื่องบินส่วนตัว วะ ฮ่า ฮ่า!! (ไอบ้า! แกได้ตั๋วลดราคา 900 บาทอย่ามาทำเป็นคุย!!)

IMG_2701photo 4

หน้าหนาวปีนี้เป็นปีที่หนาวจัดมากครับ บ้านผมที่เชียงรายก็หนาวไม่แพ้ที่ใดเหมือนกันเพราะตั้งอยู่บนดอย เตาผิงที่บ้านที่ไม่ได้จุดมาหลายปีมาถึงปีนี้เลยได้ทำงานกันเต็มที่ครับ พ่อขับรถไปขนฝืนจากที่อื่น(คงไม่ได้ขโมยมาหรอกนะ…)แล้วก็เอามาเลื่อยกันที่สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นท่อนขนาดเหมาะมือเตรียมไว้สำหรับตอนกลางคืน จนเมื่อพระอาทิตย์ตกดินอากาศหนาวก็พัดผ่านเข้ามาแทนที่ เราจึงเริ่มจุดเตาผิงกันเพื่อให้คลายหนาว ห้องรับแขกคืนนั้นอบอุ่นขึ้นจริงๆ ครับ พ่อ แม่ ลูก นั่งพร้อมหน้ากันหน้าเตาผิง อ่านหนังสือ ดูทีวี ส่วนตัวผมก็นั่งสเก็ตช์ ทั้งอุ่นกายและอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด

IMG_2713

และแล้วก็ต้องเดินทางกลับมาทำงานต่อที่บางกอกครับ ใจจริงอยากอยู่ต่อนะแต่ด้วยภาระหน้าที่ต้องทำงานทำให้ต้องกลับมาโดยเร็ว วันนี้ต้องไปรับเพื่อนตอนหัวค่ำที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของเธอในจังหวัดลำปางครับ วันนั้นทั้งวันผมยังไม่ได้ทานข้าว ผมจึงออกไปเดินห้างใกล้บ้านเพื่อหาอะไรใส่ท้องเสียหน่อย ระหว่างที่รอจะเดินทางไปรับที่สนามบินนั้นผมจึงเข้าร้านอาหารร้านโปรดของบางกอกครับ นั่นก็คือ ร้านข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ ที่ผมเรียกได้ว่าเสพติดเข้าเส้น! เมนูที่ผมสั่งทุกครั้งเพราะว่าอร่อยล้ำเลิศที่สุดในโลกาก็คือ ข้าวหน้าเนื้อรสเผ็ดและซุปสาหร่ายวากาเมะ รสเผ็ดอ่อนๆ ของเนื้ออันแสนนุ่มวางแผ่บนข้าวหอมญี่ปุ่นร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปสาหร่ายวากาเมะที่ส่งไออุ่นหอมขึ้นไปในอากาศ ยกซดทีไรก็อร่อยหอมชื่นใจคลายหนาวได้ดีทีเดียว แก้เลี่ยนนิดๆ ด้วยขิงดองที่มีให้เติมแบบไม่อั้น นี่แหละครับคือเมนูสุดอร่อยประจำตัวผมเลยล่ะ …ผมใช้เวลาสเก็ตช์ไปประมาณ 20 นาที ไอข้าวและซุปที่ร้อนๆ หอมๆ ก็หายร้อนหมดแล้วล่ะครับ!! พนักงานในร้านก็มามองกันว่าไอบ้านี่ทำอะไรทำไมไม่กินๆ แล้วออกไปจากร้านไปเสียที เปลืองโต๊ะ! โว๊ะ!

นี่แหละครับเป็นเรื่องราวในช่วงคริสมาสต์และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่ได้บันทึกเรื่องราวเป็นตัวอักษรบนไดอารี่ แต่ภาพสเก็ตช์แต่ละภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราวอยู่ในตัวมันเองครับ ถึงจะผ่านปีใหม่มาหลายวันแล้วแต่เมื่อใดที่ผมหยิบสมุดขึ้นมาสเก็ตช์ ก็จะต้องหยุดดูรูปเหล่านี้ก่อนในทุกครั้งไป ภาพอาหาร ภาพต้นคริสต์มาส หรือว่าภาพเตาผิง ทุกภาพล้วนให้ความสุข ความสนุก และความอบอุ่นแก่หัวใจในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดีเสียจริง

…สวัสดีปีใหม่ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้

ของรางวัลสำหรับทาสแมวทั้งหลาย

สวัสดีครับ

ผมชื่ออาร์ตครับ ปัจจุบันเป็นสถาปนิกแต่ไม่ค่อยได้ทำงานดีไซน์เลยอัดอั้นมาวาดรูประบายสีนี่แหละ เริ่มต้นมาจากเพื่อนสนิทบอกให้วาดภาพรูปเหมือน แต่วาดไปวาดมาไม่เหมือนเลยมาวาดแมวดีกว่า น่าจะเริ่มวาดประมาณเดือนที่แล้ว วาดเสร็จปุ๊ป ลงอินสตาแกรมปั๊ป บางทีสียังไม่แห้งเลย

วาดไปวาดมาผลตอบรับดีเกินคาดจนเพื่อนบอกเลิกวาดรูปเหมือนเถอะเพราะมันไม่เหมือน วาดแมวให้มันแบ๊วๆ จริตแมวนี่แหละคนชอบนัก ไลค์กันกระจุยในอินสตาแกรม จนคนวาดตกใจ

01_NALA_01

02_NALA_02

03_NALA03

04_NALA04

เริ่มต้นจากการวาดแมวเซเลป เจ้าแมวนาลา แมวอโศก หลังจากนั้นก็วาดแมวที่บ้านให้เพื่อน ยังทำอยู่ไม่เสร็จสักที ที่แนบมาเป็นผลงานบางส่วนที่ทำเสร็จแล้วครับ

05_NALA05

08_น้องมะม่วง_สีSchmincke

09_แม่มะระ_สีSchmincke

10_น้องสีหมอก สีSchmincke

 

ถามว่าทำไมถึงซื้อสีอีกยี่ห้อ บอกเลยระบายอันแรกสีน้ำเงินหมดไปครึ่งก้อนในเวลา 1 เดือน แถมสีเขียวเกรดนักเรียนระบายยังไงก็ตุ่น ปล. อาจจะอยู่ที่ฝีมือและช่วงนี้กำลังบ้าก็เลยซื้อๆ ไปก่อนกับคำยุของเพื่อนที่บอกว่าถูกมากเมื่อเทียบกับที่ไทย คุณภาพสีของ Schmincke ดีกว่า re-use แล้วไม่เป็นตะกอนเหมือนยี่ห้อแรก ก็พี่ท่านแพงกว่าจะ 3-4 เท่าได้หนิ แต่ก็ต้องมาปรับวิธีระบายเพราะสีมันใสมากๆ ยังไม่คุ้นเท่าไรกำลังทดลองกับ Urban Sketch เดี๋ยวจะมารีวิวในรอบหน้าและกันครับ

ถ้าต้องการติดตามผลงาน ทันด่วน ก็ไป follow ในอินสตาแกรมนะครับ @dej รูปโพรไฟล์เป็นรูปแมวอโศกนอนกลมดิ๊ก

ขอบคุณครับ
ART+DEJ

อุปกรณ์ที่ใช้
– ดินสออะไรก็ได้ แต่ผมใช้ดินสอกด lamy เอ๊ะ จะอวดทำไม
– สีน้ำตลับ 12 สี ยี่ห้อ Daler Rowney ราคาประมาณ 600 บาท แถมมาพร้อมพู่กันเบอร์ 4
– สีน้ำตลับ 15 สี กล่องโลหะ ยี่ห้อ Schmincke Watercolor ราคาประมาณ 1,500 บาท
– พู่กัน ยี่ห้อ ZIG ขนาดกลางราคา 150 บาท (หัวพังแล้ว ใช้ไว้ผสมสี หรือลงเปียกก่อน)
– สมุด A5 กระดาษ 160g/m2 / Daler Rowney / 20 แผ่น / 75 บาท
Monologue Sketchbook / A5/ 140G / 250-300 บาทนี่แหละ

PS. ราคานี้ซื้อที่สิงคโปร์ ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียน ชื่อ Art Friend ถ้าเป็นสมาชิกจะลดเพิ่มอีก 10 เปอร์เซนต์ด้วยนะครับ.

บังคาระราเมน ไม่กินร้านเค้าแล้วยังจะไปสเก็ตช์อีก

เพื่อนผมคนนึงกล่าวไว้ว่า “ถ้ามาแถบสุขุมวิท 39 แล้วไม่มาลองบังคาระราเมนก็ถือว่าเกิดมาเสียชาติเกิด” …โอเคครับ พอได้ยินเช่นนั้นผมก็เลยเดินขึ้นชั้นบนไปกินอาหาร้านเพื่อนทันที

อะไรเล่า?! แล้วจะไม่ลองราเมนร้านนี้หน่อยเหรอ?!!

ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะครับก็ผมนัดกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปกินร้านมัน ผมเลยได้แต่เดินผ่านแล้วก็แชะภาพเป็นที่ระลึกไว้เผื่อคราวหลังจะได้มาลองครับ

ครั้นกลับถึงบ้าน ความอาลัยอาวรยังคงเอ่อลันอยู่ในห้วงคำนึง “อันที่จริงเราน่าจะสั่งราเมนไม่งอกใส่ถุงกลับบ้านนะ” …ประหนึ่งว่าตะกี้ไม่ได้กินอะไรมาเลยอย่างนั้นแหละ ประจวบกับกำลังจะเขียนบล็อกรีวิวสมุดสเก็ตช์เล่มใหม่ Monologue Soft Sketch Book ผมก็เลยจัดแจงเปิดรูปที่ถ่ายไว้แล้วก็ลงมือสเก็ตช์ทันที

ผลการทดสอบเป็นอย่างไรนั้นขอเชิญเข้าไปอ่านกันได้ที่นี่นะ [นอกใจซ้ำซาก! สมุด Monologue Soft Sketch Book ที่ผมเผลอใจให้] ส่วนผลงานสเก็ตช์ภาพของร้านราเมนที่ผมไม่ได้กินแล้วยังจะไปสเก็ตช์ร้านเค้าฟรีๆ อีก ก็ขอเชิญทัศนากันได้เลยครับ

Monologe Soft Sketchbook-25 Monologe Soft Sketchbook-26

…ขอสัญญาว่าคราวหน้าผมจะไปลองราเมนร้านนี้ให้จงได้ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Monologue Soft Sketch Book, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush