Tag: winsor & newton

ผมเกลียด Starbucks!

แฟนพันธุ์แท้สตาร์บัคส์คนไหนอ่านแค่หัวข้อตอนนี้แล้วอยากจะเข้ามาไฝ้ว์กับผมขอให้อ่านให้จบก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเมื่อยนิ้วเพราะมัวแต่พิมพ์มาม่า

หลายคนคงทราบดีครับว่าไอตัวกระผมนั้นเป็นคนที่เสพติดกาแฟเป็นอย่างมาก วันใดไม่ได้สูบกาแฟเข้ากระแสเลือดวันนั้นแทบเรียกได้ว่าสถานะทางอารมณ์เหมือนผีชีวะเลยทีเดียว มันไม่สดชื่น โลกมืดหม่นมัวหมอง อะไรก็ดูเชื่องช้าไปเสียหมด…เฮ้อ…นอนในออฟฟิศมันเลยเสียดีกว่า

การที่ผมเสพติดกาแฟในความหมายคือผมติดรสกาแฟครับ เลือกดื่มกาแฟแต่รสที่ชอบเท่านั้น คั่วแบบนี้ เมล็ดพันธุ์นี้ กลั่นช็อตออกมาที่เวลาเท่านี้ถึงจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งดัดจริตมาก!! ใช่ครับผมรู้ตัวดี…มันจึงเป็นนิสัยเสียที่ติดตัวมาจากเชียงใหม่ซึ่งมีร้านกาแฟที่ถูกปากผมหลายร้านแถมยังเดินทางไปดื่มได้สะดวกแต่พอย้ายมาทำงานที่บางกอก การหากาแฟที่รสถูกปากสักร้านช่างเป็นไปได้ยากเย็น เข้าห้างก็มีแต่กาแฟแบรนด์ใหญ่ๆ จะออกนอกเส้นทางรถไปฟ้าก็ไปไม่เป็นไม่มีรถส่วนตัว ทำให้ได้ดื่มแต่กาแฟที่รสไม่ถูกปาก นั่นก็คั่วเข้มแล้วมาชงร้อนเหมือนให้ม้ากิน นั่นก็เบาบางไปหรือบางร้านสั่งเอสเพรซโซ่แต่เหมือนกินไมโลผสมเนสกาแฟ โว๊ะ! ดัดจริตมาก! …ส่วนพวกแกก็อย่าเอาเปรียบคนกินกาแฟนักสิฟระ! (ขอบ่นนิดนึง)

sketch-3

แต่แล้ววันนึงชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ เพื่อนผมคนนึงเค้าได้แนะนำว่าถ้าอยากกินกาแฟทำไมไม่กินที่ร้านสตาร์บัคส์ล่ะ …แน่นอนว่าในใจผมต่อต้านเนื่องมาจากในอดีตเคยลิ้มลองไปหลายแก้วแต่ไม่เคยเป็นที่ถูกใจแม้แต่เมนูเดียว ราคานั้นก็แสนแพง มีแต่กาแฟเด็กเล่นน้ำหวานเต็มแก้วจนไม่ได้รสกาแฟ เกลียด!! แต่คราวนี้เพื่อนผมก็แนะนำว่าทำไม่ลองกาแฟเมนูนี้ดูล่ะ ถึงไม่เป็นกาแฟแบบอิตาเลียนแท้ๆ แต่รสชาติดีรับรองว่าต้องติดใจแน่ นั่นก็คือ Hot Caramel Macchiato ผมเลยสั่งด้วยความคาดหวังว่ามันจะเป็นแก้วช็อตเล็กเหมือน Macchiato แบบอิตาเลียน ซดน้อยแต่พอดีมีนมหน่อยให้พออยู่ท้อง แต่กลับกลายเป็นว่ากาแฟแก้วนี้เสริฟมาเป็น “โอ่ง” ครับ!! ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอคำว่า Macchiato ของไอร้านนี้มันจะเสริฟมามากมายขนาดนี้ เรียกได้ว่ากินอิ่มยันอ้วกได้เลย แต่ไหนๆ แล้วก็ขอลองลิ้มชิมรสสักหน่อยนะ

…ข้าขอคุกเข่าลงแต่เทพีกาแฟ…อร่อยมาก!! เมนูกาแฟแก้วนี้อร่อยเสียจริงจนผมต้องประหลาดใจ ถึงแม้ไม่ใช่กาแฟแบบต้นฉบับที่แท้จริงแต่เป็นการปรับสูตรให้เกิดเมนูที่ทำให้สามารถดื่มกาแฟได้ง่าย สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัยซึ่งนี่แหละเป็นสิ่งที่มัดใจแฟนๆ สตาร์บัคส์เค้าหล่ะ เอสเพรซโซช็อตรสนุ่ม เทลงในนมร้อนที่สตีมเป็นอย่างดี ราดหน้าด้วยคาราเมลเข้มข้นหวานมันสูตรพิเศษของทางร้าน ทำให้กาแฟแก้วนี้อร่อยสามารถดื่มได้ง่าย ไม่จะกลางวันหลังมื้ออาหาร หรือจะเป็นหัวค่ำก่อนกลับบ้านเข้านอน กาแฟอุ่นๆ แก้วนี้ช่างเหมาะในทุกช่วงเวลาเสียจริง เข้าร้านครั้งหน้าลองสั่งกันได้นะครับรับรองว่าจะไม่ผิดหวัง(แถมอ้วนน้อยกว่ากาแฟปั่นกาแฟเย็นด้วยนะเอ้อ!)

sketch-1sketch-2

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดสตาร์บัคส์เข้าเส้นก็คือ “วัฒนธรรมที่ลูกค้าปฏิบัติ” ครับ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งแช่ของลูกค้าตั้งแต่เช้ายันบ่ายด้วยน้ำมะนาวแก้วเดียว การติวหนังสือหรือขายตรงที่ทำกันแบบไม่เกรงใจใคร การถ่ายรูปแก้วกาแฟที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมใดตีลังกาหรือนอนเหยียดบนพื้นก็ล้วนแล้วแต่จะมีโลโก้ของสตาร์บัคส์หันเข้ากล้องอยู่เสมอจนดู “ยิ่งกว่าจงใจ” หรือล่าสุดจะเป็นการนั่งสเก็ตช์ในร้านโดยที่กาแฟหมดแก้วไปนานแล้วแต่ยังไม่ลุกเสียที(อุย!) ทีแรกผมก็สงสัยว่าไอเรื่องพวกนี้มันอะไรของมันวะ? แต่พอมองและคิดดูอย่างถ้วนถี่แล้วต้องถือว่ากาแฟแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ทีเดียว ลูกค้ามีความภูมิใจที่ได้เข้ามาใช้บริการ ดึงลูกค้าให้อยู่ในร้านได้นานซึ่งมีโอกาสที่จะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มได้ในภายหลัง(ข้อนี้ยังคงเป็นที่สงสัย) สามารถโปรโมทแบรนด์ผ่านลูกค้าได้โดยสมัครใจและไม่ต้องมีรางวัลมาเป็นข้อตกลง แถมทางร้านยังมีบริการให้เราได้ลองชิมกาแฟแปลกใหม่รวมถึงขนมจากทางร้านด้วยความเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเสมือนมาร้านกาแฟของเพื่อนที่รู้จักและอยากที่จะกลับมาอีกครั้งในโอกาสหน้า ทั้งหมดคือความเจ๋งของสตาร์บัคส์ที่ผมชื่นชอบและอดอมยิ้มไม่ได้ทุกทีเมื่อเข้ามาดื่มกาแฟในร้านและก็เห็นสาวๆ ถ่ายรูปตัวเองคู่กับแก้วกาแฟลงอินสตาแกรม นี่แหละครับคือ Starbucks Culture ที่น่าสนใจเสียจริง

อุปกรณ์ที่ใช้ :

สเก็ตช์ความสุขเทศกาลคริสต์มาส ส่งท้ายปีเก่า 2013 ต้อนรับปีใหม่ 2014

หลังจากที่ให้สเก็ตช์เชอร์หลายท่านวาดลวดลายส่งผลงานสวยๆ มาอวดกันเยอะแยะมากมาย สเก็ตช์เชอร์สายขี้เกียจแบบผม(ไอสายนี้ควรจะปิดสำนักไปได้แล้วนะ!)จึงขอส่งผลงานบ้างครับเพราะกลัวผู้อ่านหลายท่านจะลืมกันไปเสียก่อนว่าไอหมอนี่มันสเก็ตช์กับเขาด้วย สเก็ตช์ตอนนี้เป็นสเก็ตช์ในช่วงของเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครับ ขอเล่าเรื่องเรียงตั้งแต่วันแรกเลยนะ

IMG_2703photo 2

เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแบบนี้ใครจะไปนอนอยู่บ้านเหงาๆ คนเดียวล่ะครับ มันต้องออกไปเจอเพื่อน!! ผมเลยนัดทานข้าวกินเหล้าเมายา(เกือบจะหล่อละแก!) กันที่ร้านคนรู้จักของเพื่อนผมครับชื่อร้านว่า X Wine Z : Wine Store & Bristro เป็นร้านไวน์ที่มีอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนไว้ให้ลิ้มลองครับ เมนูที่สั่งแต่ละอย่างก็ล้วนน่าทานทั้งนั้น และนี่เป็นเมนูที่นำมาให้ชมกันครับ Pan Fried Salmon with Truffle Cream Sauce …เพราะเมนูอื่นสเก็ตช์ไม่ทัน ซัดกันเหมือนแร้งลง!! ส่วนใครที่อยากไปลองทาน ผมก็ต้องขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะได้ทานที่นี้นะครับเพราะว่ามันเจ๊งไปแล้ว!! ไอบ้า! เค้าไม่ได้เจ๊ง!! คือตั้งแต่ปีใหม่ปี 2014 เป็นต้นไปเค้าเปลี่ยนมือเจ้าของครับและจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านไวน์เต็มตัว มีการสอนเรื่องไวน์ด้วยนะ ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับส่วนผมขอกินลีโอต่อไปละกัน คุ้นลิ้นกว่ากันเยอะ!

IMG_2708

photo 1

แน่นอนว่าตามร้านค้าหรือโรงแรมต่างๆ ก็ต้องมีการประดับประดาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเทศกาลที่แสนสุขแบบนี้ด้วย ที่พักผมก็เช่นกันครับ มีการนำต้นคริสต์มาสสีแดง(?) มาตั้งตกแต่งไว้ที่ล็อบบี้ด้วย ไอต้นคริสต์มาสสีแดงนี่ผมว่าไอเดียเค้าเข้าท่ามากครับ คือการเอาใบจากย้อมสีแดงมาเย็บเป็นวงไล่ขนาดตั้งแต่เล็กไปหาใหญ่วางซ้อนๆ กันจากโคนต้นไปจนถึงยอด ประดับดาวที่ปลายยอดและแขวนห้อยลูกบอลสีทองรอบๆ ต้น กลายเป็นต้นคริสต์มาสรูปแบบใหม่ที่ทั้งน่ารักและสวยงามไม่ซ้ำใครน่าสเก็ตช์เป็นที่สุด

photo 3

ขอคั่นด้วยรูปสเก็ตช์กากๆ ระหว่างการเดินทางกลับบ้านที่เชียงรายหน่อยครับ รูปนี้สเก็ตช์ระหว่างนั่งรอเครื่องบินส่วนตัวมารับที่สนามบินดอนเมืองครับ ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องตอน 3 ทุ่ม แน่นอนว่าปีนี้บางกอกก็หนาวไม่แพ้ที่ใดรวมถึงในสนามบินก็เช่นกัน ผมซึ่งเดินทางมาบางกอกแต่ตัวเปล่าไม่มีเสื้อกันหนาวจึงหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ (ทำไมไม่ซื้อล่ะ อ้อ! แกตังค์หมดเพราะเอาแต่ซื้อหมึกนี่เอง) จึงขอแก้หนาวด้วยการเลี้ยวเข้าร้านกาแฟเพื่อเติมความอุ่นให้แก่ร่างกายนิดนึง ระหว่างที่ดื่มกาแฟไปรอเครื่องบินไปผมก็นึกครึ้มว่าไหนๆ เราก็ได้แก้วกาแฟกระดาษมาแล้ว ขอลองสเก็ตช์ภาพบนแก้วดูหน่อยละกัน ผมก็ลงมือสเก็ตช์ๆๆ แล้วลงสีน้ำดูครับ ถึงแม้ว่าจะวาดยากเพราะมันโค้งๆ แล้วปากกาก็ไม่ค่อยติดแต่ว่าสนุกมากมายเลยครับ! การได้เห็นผลงานของเราปรากฎอยู่บนพื้นที่รูปแบบอื่นบ้างมันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ทีเดียวครับ

IMG_2712

ออกจากร้านกาแฟแล้วก็ย้ายมารอเครื่องบินที่หน้าเกทเพราะจวนได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว วันก่อนได้อ่านเรื่องราวของสเก็ตช์เชอร์ท่านนึงและเธอใช้ปากกา Sharpie ในการสเก็ตช์ ผมเลยลองหามาสเก็ตช์บ้างและนี่ก็เป็นผลงานจากปากกาด้ามนี้ครับ ผมไม่ค่อยชอบสัมผัสของหัวปากกาเวลาลงเส้นเท่าไหร่จึงทำให้วาดออกมาได้ไม่สวยเลยครับ…ขอโทษครับอันที่จริงฝีมือวาดคนของผมกากเองแหละ -.,- ปากกาด้ามนี้ออกไปในแนวปากกาเขียนแผ่นซีดีครับเรื่องกันน้ำจึงหายห่วง ส่วนนายแบบและนางแบบในภาพนี้เป็นคู่แต่งงานชาวต่างชาติและคนไทยครับ นั่งรอเครื่องบินนานทีเดียวตั้งแต่ก่อนผมขึ้นเครื่องจนผมขึ้นเครื่องแล้วเที่ยวบินของพวกเค้ายังไม่มาเลยครับ นี่แหละนะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาและคนที่มีเครื่องบินส่วนตัว วะ ฮ่า ฮ่า!! (ไอบ้า! แกได้ตั๋วลดราคา 900 บาทอย่ามาทำเป็นคุย!!)

IMG_2701photo 4

หน้าหนาวปีนี้เป็นปีที่หนาวจัดมากครับ บ้านผมที่เชียงรายก็หนาวไม่แพ้ที่ใดเหมือนกันเพราะตั้งอยู่บนดอย เตาผิงที่บ้านที่ไม่ได้จุดมาหลายปีมาถึงปีนี้เลยได้ทำงานกันเต็มที่ครับ พ่อขับรถไปขนฝืนจากที่อื่น(คงไม่ได้ขโมยมาหรอกนะ…)แล้วก็เอามาเลื่อยกันที่สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นท่อนขนาดเหมาะมือเตรียมไว้สำหรับตอนกลางคืน จนเมื่อพระอาทิตย์ตกดินอากาศหนาวก็พัดผ่านเข้ามาแทนที่ เราจึงเริ่มจุดเตาผิงกันเพื่อให้คลายหนาว ห้องรับแขกคืนนั้นอบอุ่นขึ้นจริงๆ ครับ พ่อ แม่ ลูก นั่งพร้อมหน้ากันหน้าเตาผิง อ่านหนังสือ ดูทีวี ส่วนตัวผมก็นั่งสเก็ตช์ ทั้งอุ่นกายและอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด

IMG_2713

และแล้วก็ต้องเดินทางกลับมาทำงานต่อที่บางกอกครับ ใจจริงอยากอยู่ต่อนะแต่ด้วยภาระหน้าที่ต้องทำงานทำให้ต้องกลับมาโดยเร็ว วันนี้ต้องไปรับเพื่อนตอนหัวค่ำที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของเธอในจังหวัดลำปางครับ วันนั้นทั้งวันผมยังไม่ได้ทานข้าว ผมจึงออกไปเดินห้างใกล้บ้านเพื่อหาอะไรใส่ท้องเสียหน่อย ระหว่างที่รอจะเดินทางไปรับที่สนามบินนั้นผมจึงเข้าร้านอาหารร้านโปรดของบางกอกครับ นั่นก็คือ ร้านข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ ที่ผมเรียกได้ว่าเสพติดเข้าเส้น! เมนูที่ผมสั่งทุกครั้งเพราะว่าอร่อยล้ำเลิศที่สุดในโลกาก็คือ ข้าวหน้าเนื้อรสเผ็ดและซุปสาหร่ายวากาเมะ รสเผ็ดอ่อนๆ ของเนื้ออันแสนนุ่มวางแผ่บนข้าวหอมญี่ปุ่นร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปสาหร่ายวากาเมะที่ส่งไออุ่นหอมขึ้นไปในอากาศ ยกซดทีไรก็อร่อยหอมชื่นใจคลายหนาวได้ดีทีเดียว แก้เลี่ยนนิดๆ ด้วยขิงดองที่มีให้เติมแบบไม่อั้น นี่แหละครับคือเมนูสุดอร่อยประจำตัวผมเลยล่ะ …ผมใช้เวลาสเก็ตช์ไปประมาณ 20 นาที ไอข้าวและซุปที่ร้อนๆ หอมๆ ก็หายร้อนหมดแล้วล่ะครับ!! พนักงานในร้านก็มามองกันว่าไอบ้านี่ทำอะไรทำไมไม่กินๆ แล้วออกไปจากร้านไปเสียที เปลืองโต๊ะ! โว๊ะ!

นี่แหละครับเป็นเรื่องราวในช่วงคริสมาสต์และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่ได้บันทึกเรื่องราวเป็นตัวอักษรบนไดอารี่ แต่ภาพสเก็ตช์แต่ละภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราวอยู่ในตัวมันเองครับ ถึงจะผ่านปีใหม่มาหลายวันแล้วแต่เมื่อใดที่ผมหยิบสมุดขึ้นมาสเก็ตช์ ก็จะต้องหยุดดูรูปเหล่านี้ก่อนในทุกครั้งไป ภาพอาหาร ภาพต้นคริสต์มาส หรือว่าภาพเตาผิง ทุกภาพล้วนให้ความสุข ความสนุก และความอบอุ่นแก่หัวใจในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดีเสียจริง

…สวัสดีปีใหม่ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้

บังคาระราเมน ไม่กินร้านเค้าแล้วยังจะไปสเก็ตช์อีก

เพื่อนผมคนนึงกล่าวไว้ว่า “ถ้ามาแถบสุขุมวิท 39 แล้วไม่มาลองบังคาระราเมนก็ถือว่าเกิดมาเสียชาติเกิด” …โอเคครับ พอได้ยินเช่นนั้นผมก็เลยเดินขึ้นชั้นบนไปกินอาหาร้านเพื่อนทันที

อะไรเล่า?! แล้วจะไม่ลองราเมนร้านนี้หน่อยเหรอ?!!

ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะครับก็ผมนัดกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปกินร้านมัน ผมเลยได้แต่เดินผ่านแล้วก็แชะภาพเป็นที่ระลึกไว้เผื่อคราวหลังจะได้มาลองครับ

ครั้นกลับถึงบ้าน ความอาลัยอาวรยังคงเอ่อลันอยู่ในห้วงคำนึง “อันที่จริงเราน่าจะสั่งราเมนไม่งอกใส่ถุงกลับบ้านนะ” …ประหนึ่งว่าตะกี้ไม่ได้กินอะไรมาเลยอย่างนั้นแหละ ประจวบกับกำลังจะเขียนบล็อกรีวิวสมุดสเก็ตช์เล่มใหม่ Monologue Soft Sketch Book ผมก็เลยจัดแจงเปิดรูปที่ถ่ายไว้แล้วก็ลงมือสเก็ตช์ทันที

ผลการทดสอบเป็นอย่างไรนั้นขอเชิญเข้าไปอ่านกันได้ที่นี่นะ [นอกใจซ้ำซาก! สมุด Monologue Soft Sketch Book ที่ผมเผลอใจให้] ส่วนผลงานสเก็ตช์ภาพของร้านราเมนที่ผมไม่ได้กินแล้วยังจะไปสเก็ตช์ร้านเค้าฟรีๆ อีก ก็ขอเชิญทัศนากันได้เลยครับ

Monologe Soft Sketchbook-25 Monologe Soft Sketchbook-26

…ขอสัญญาว่าคราวหน้าผมจะไปลองราเมนร้านนี้ให้จงได้ครับ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Monologue Soft Sketch Book, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

สวรรค์กลางมหานคร Costa ร้านกาแฟที่ผมหลงรัก

ใครที่ตามอ่านสเก็ตช์หรือว่าตามทวิตเตอร์ตามอินสตาแกรมของผมคงจะพอทราบใช่ไหมครับว่าผมเป็นคนที่เสพติดกาแฟจนเรียกได้ว่าต้องดื่มทุกวันหลังอาหารเลยก็ว่าได้ เมื่อตอนที่ยังอยู่เชียงใหม่ผมก็ต้องออกไปชิลกาแฟไปสเก็ตช์อยู่บ่อยๆ แต่ทีนี้เมื่อย้ายมาทำงานที่บางกอก(ชั่วคราว) การจะหาร้านกาแฟ “ที่ถูกใจ” สักร้านมันช่างยากเย็นยิ่งนักหากไม่ใช่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าก็แทบจะเรียกได้ว่าหาทางไปไม่เป็นเลยทีเดียว

ไม่ใช่ว่าร้านกาแฟในห้างหรือร้านอื่นๆ ในบางกอกจะไม่ใช้กาแฟคุณภาพดีนะครับอย่าเข้าใจผิดแต่ผมเป็นคนที่ “ติดรสกาแฟ” คือจะมีรสที่ผมชอบดื่มเป็นพิเศษซึ่งไอรสนี้มันก็ไม่ได้ราคาแพงระดับ Starbuck อะไรหรอกนะแต่เคัาไม่ค่อยเอามาขายกันเท่านั้นเอง ผมเลยหากาแฟดื่มในแบบที่ถูกใจได้ยากนั่นเอง จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองที่ห้างพาราก้อนชั้นโรงทานเค้ามีเชนร้านกาแฟจากต่างประเทศมาเปิดครับชื่อร้านว่า Costa เป็นเชนชื่อดังจากอังกฤษ นี่จึงเป็นเหตุให้ผมพบสวรรค์ในที่สุด(ถ้าอยากอ่านเรื่องร้านกาแฟร้านนี้เพิ่มเติมก็รออ่านในอีกเว็บของผมได้นะ Coffee Walk ซึ่งไม่ได้อัพมาชาตินึงล่ะครับ ก็ลุ้นกันต่อไปว่าไอคนเขียนมันยังจะเขียนต่อหรือเปล่านะ -.,-)
costa-1ผมดื่มกาแฟอยู่แค่ไม่กี่เมนูครับและที่ต้องสั่งแน่ๆ หากต้องการลองกาแฟร้านใดๆ ก็ตาม เมนูนี้ก็คือ Doppio Espresso ร้านนี้ราคาราคา 85 บาทครับ รสชาติไม่ต้องพูดถึงเะราะถูกใจเป็นที่สุด! นุ่มลิ้นลื่นคอและไม่เปรี้ยวจนเกินไป แค่เพียงกาแฟหยดแรกหยดลงบนปลายลิ้น ดวงตาทั้งสองข้างของผมก็เบิกโพล่งเสมือนได้เห็นแสงสะท้อนเนินอกของนางฟ้าที่บินล่องลงมาจากสวรรค์…แต่เว็บนี้มันเป็นเว็บสเก็ตช์นี่! พอๆ ไม่เขียนเรื่องกาแฟแล้ว! ว่าแต่ว่า…เห็นถ้วยซอฟต์ครีมชาเขียว-ถ่านข้างหลังมั้ยครับ? อันนี้มันเป็นทริคนะครับคือว่าถ้าอยากไปสเก็ตช์นอกบ้านแต่คุณดันพกแฟนติดตัวมาด้วย(พูดซะอย่างกับเป็นหมากระเป๋า -.,-) วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เธอนั่งนิ่งๆ นั่งเงียบๆ ไม่บ่นเวลาที่เราสเก็ตช์นานๆ ก็คือต้องซื้ออะไรมาให้กินให้ถ่ายรูปครับ เป็นการซื้อเวลาให้เราได้มากโขนะ

ผมเริ่มสเก็ตช์โดยเลือกมุมที่ผมคุ้นเคยที่สุดของรัานนี้ครับ ฝาผนังที่มีกรอบรูปอุปกรณ์ชงกาแฟแปะอยู่และอีกจุดหนึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรัาน Costa นี้ก็คือโคมไฟมีแดงสดสีเดียวกับโลโก้ของร้านครับ ผมจึงไม่รอชัา ใช้เวลาขณะที่หมากระเป๋า เอ้ย! ยัยแฟนกำลังถ่ายรูปถ้วยซอฟต์ครีมและจ้วงตักกินนั้นมาสเก็ตช์ครับ
costa-2 ผมใช้เวลาสเก็ตช์ค่อนขัางนานครับสำหรับภาพนี้ น่าจะใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงได้ ผมสเก็ตช์ช้าๆ เก็บรายละเอียดของโคมไฟ กรอบรูปแต่ละรูปและก้อนอิฐบนผนังจนแล้วเสร็จก็เงยหน้าไปมองยัยแฟน…คิ้วเริ่มเลื่อนมาชนกันหน่อยๆ ล่ะ ผมจึงรู้ชะตากรรมว่าถ้ายังจะลงสีต่อผมคงได้ไปเป็นศิลปินเอกบนสววรค์แน่ๆ ครับ ;_;)/

costa-3

กลับถึงบ้านก็คิดที่จะลงสีแต่แล้วเวลาก็ผ่านไปหลายวันกว่าจะหาเวลาลงสีได้ เปิดดูรูปที่ถ่ายไว้บน ไอโฟน4 ของรักของขัา~ เพื่อให้ลงสีได้โดยไม่ผิดเพี้ยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับถึงจะเสร็จสิ้น สเก็ตช์ภาพนี้ก็ออกมาสมบูรณ์ตามที่นึกไว้ ผมชอบสีสันของรัานกาแฟร้านนี้จริงๆ เลย

ผมขอแนะนำร้านกาแฟร้านนี้นะครับอยากให้ลองมากันสักครั้งนึง เพราะไม่ว่าคุณจะไปสเก็ตช์หรือจะแค่ไปจิบกาแฟก็ตาม คุณจะต้องได้รับความสนุกและเพลิดเพลินแน่ๆ บรรยากาศของร้านกาแฟที่เปิดโล่ง นั่งดูผู้คนเดินผ่านไปมาพร้อมสูดกลิ่นกาแฟที่หอมหวาน และแน่นอนโดยเฉพาะความสุขที่ปลายลิ้นได้สัมผัสกับกาแฟรสนุ่มจากร้านนี้ ช่างเป็นวันหยุดที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เลยครับ เห็นด้วยมั้ย?

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

Moai Coffee สวนผึ้ง

ครั้งนี้ตั้งใจจะลองฝึกสเกตช์สถานที่ดูบ้าง แต่ก็..ยังคงเป็นการสเกตช์จากภาพถ่ายอยู่นะคะ เพราะหากจะสเกตช์สดเลยนี่ยังคงไม่สามารถค่ะเลือกสเกตช์ภาพถ่ายร้าน Moai Coffee ที่สวนผึ้ง ซึ่งร้านนี้ออกแบบร้านได้ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวให้แวะพักชิมกาแฟได้ดี รสชาดพอใช้สำหรับคนที่ไม่ใช่คอกาแฟแต่ว่าราคาค่อนข้างสูงพอๆกับร้านในกรุงเทพเลยทีเดียวค่ะ

moai2
ภาพนี้วาดบนกระดาษ Arches 300 กรัมชนิดผิวหยาบ ใช้ดินสอวาดโครงคร่าวๆแล้วลงรายละเอียดลายเส้นด้วยปากกา Lamy Safari EF เพื่อทดสอบหมึกกันน้ำ Noodler’s Ink สีดำ ปรากฏว่าเส้นที่ลากไม่ค่อยสม่ำเสมอทำให้ต้องลากซ้ำซึ่งอาจจะเป็นเพราะผิวกระดาษที่ค่อนข้างหยาบที่น่าจะเหมาะกับปากกา Pigma มากกว่า(มั้งคะ) และลงสีด้วยสีน้ำ Winsor Deluxe Sketcher’s Box ค่ะ

แมวหมุนส์ชวนทานขนม

วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาใช้เวลากับการวาดรูปไปครึ่งค่อนวัน จนลืมไปว่ามาถึงทะเลแล้วก็ต้องไปว่ายน้ำน่ะสิ โถ่! แต่ทว่าพวกขนมเหล่านี้มันโผล่มาจากไหนกันนะ? หรือเป็นเพราะในช่วงควบคุมน้ำหนัก(ทั้งปีก็ไม่ผอมเสียที)ต้องงดขนมหวานทั้งปวง อาจจะเป็นไปได้ว่าสมองส่วนลึกกำลังเพรียกหาและเรียกร้องสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นแน่ เอาเป็นว่าไปชงชากาแฟ แล้วมานั่งล้อมวงทานขนมปลอมๆกันดีกว่า

ชื่อขนมอาจจะมีผิดถูกๆ ไปบ้างต้องขออภัยค่ะ

img268
Le Fraisier

 

img270
Mille Crêpe

 

img269
Swiss roll

 

img267
Recette de Tarte aux fruits d’été

 

img266
Choux à la crème aux fraises

อุปกรณ์
• ดินสอ 2B Staedtler
• สีน้ำของ Pentel และ Winsor & Newton
• กระดาษ Canson

Sailing

ภาพสเกตช์ลายกระดาษ napkin ระหว่างนั่งรอลูกสาวเรียนศิลปะวันนี้ค่ะ ยังคงใช้กระดาษ Arches ด้วยเหตุผลในการลงสีน้ำเป็นหลัก ?กำลังคิดว่าจะนำตัดและเย็บเป็นสมุดสำหรับสเกตช์น่าจะสะดวกในการพกพาและเก็บได้ดีกว่าการตัดเป็นแผ่นๆค่ะ

sketch
อุปกรณ์ : ปากกา Pigma 0.005, 0.01, สีน้ำ Winsor & Newton Cotman, กระดาษ Arches 300 กรัม ขนาด 18×16 ซม

ตู้ไปรษณีย์ – โปสการ์ดจาก London

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่แบ่งปันทั้งในบล็อกและเวปไซด์ซึ่งมีประโยชน์มากๆค่ะ ปกติแล้วจะวาดภาพสีน้ำบ้างเป็นงานอดิเรกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพแนว Botanical หรือภาพวาดการ์ตูนน่ารักๆ พอได้รู้จักบล็อก BB Design เลยเริ่มสนใจงานสเกตช์และเริ่มลงมือสเกตช์ภาพแรกนี้จากโปสการ์ดที่สะสมไว้ค่ะ

Sketching
ภาพ : ตู้ไปรษณีย์ (โปสการ์ดจาก London)
โดย : @yingsayhi (IG)

อุปกรณ์ :
1. ปากกา pigma 0.05 ส่วน lamy ตอนนี้ยังไม่มีหมึกกันน้ำของ Noodle’s เลยเป็นพร็อพประกอบไปก่อนค่ะ
2. กระดาษ Aches 300 gm
3. สีน้ำ Winsor & Newton Cotman, Sennelier

ไหนๆ ก็ส่งรูปผลงานที่เคยวาดมาให้ดู ผมเลยขอเอามาลงด้วยนะครับ ซึ่งพอได้เห็นแล้วก็……ทุกคน! กราบ!!@hackhq

IMG_3767a

IMG_3773a

IMG_3778a

กาแฟถ้วยโปรดที่ร้าน The Coffee Club

ใครหลายคนอาจจะเคยได้อ่านที่ผมรีวิวร้านกาแฟแบรนด์ใหญ่ The Coffee Club ลงในบล็อกกาแฟอีกแห่งของผม Coffee Walk ไปแล้ว แต่วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังถึงอีกมุมหนึ่งครับ นั่นก็คือการสเก็ตช์!

ร้านกาแฟร้านนี้ผมเห็นมาจากคุณ @kangg นั่นแหละครับเพราะเค้าไปบ่อยแถมแต่ละเมนูที่สั่งมาก็น่าดื่มทั้งนั้น พอร้านนี้มาเปิดสาขาที่ประตูท่าแพ เชียงใหม่ ผมก็อดไม่ได้เลยที่จะต้องไปลองลิ้มชิมรสกาแฟเคล้ากลิ่นหอม และแน่นอนกาแฟแก้วแรกที่ผมจะสั่งมาดื่มก็คือ Long Macchiato นั่นเองครับ! เสริฟแก้วใสวางมาบนกระดาษเช็ดปากได้มุมสวยงามพอดิบพอดีพร้อมเสียงกล่าวดัวฟัวชัดจากพนักงานว่า Enjoy your drink! อ..โอเคครับ เอนจอยสเก็ตช์ชิ่งด้วยเลยละกันนะ

the coffee club-1

ผมลงมือสเก็ตช์กาแฟแก้วนี้ในครั้งแรกที่ไปเยือนร้านครับ และเนื่องจากเวลาจำกัด ผมจึงได้แต่เพียงสเก็ตช์แค่กาแฟแก้วนี้แก้วเดียว

the coffee club-4 the coffee club-5

ต่อมาภายหลัง ผมจึงได้มีโอกาสไปดื่มกาแฟที่นี่อีกครั้งเนื่องด้วยเพราะยัยแฟนมันอยากกินเค้กเสริมความอ้วนสักหน่อย ผมจึงไม่รอช้าเลี้ยวรถปีนทางเท้าขึ้นไปจอดหน้าร้านเลย แต่มาคราวนี้ถึงแม้จะสั่งกาแฟเมนูเดิมแต่ไม่ขอสเก็ตช์แก้วกาแฟล่ะ ขอนั่งมองหาสิ่งที่น่าสนใจและนำมาสเก็ตช์ดีกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่าร้านนี้ตั้งอยู่หน้าประตูท่าแพเลย ผมจึงจะสเก็ตช์อะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากกำแพงเมืองฝั่งนี้ครับ

the coffee club-2

the coffee club-3

สเก็ตช์เสร็จก็หันกลับมาที่โต๊ะที่สั่งโอรีโอ้ชีสเค้กไว้ แต่ยัยแฟนก็ยังคงกินไม่หมดทั้งที่ผ่านไปหลายนาทีแล้ว คอยแต่เอาปลายช้อนค่อยๆ แคะค่อยๆ เล็มชีสเค้กออกมาทีละนิดๆ ผมก็ถามว่าทำอะไรทำไมไม่กินล่ะ คำตอบที่ได้กลับมาคือกลัวอ้วนเลยไม่กินตรงโอรีโอ้ ขอกินแต่ตรงชีสละกันนะ …อืมมม กินตรงชีสไม่อ้วนนี่เองได้ความรู้ใหม่แหะ

นั่งร้านกาแฟวันนี้ได้สเก็ตช์มาสองภาพพร้อมกับการเขียนบันทึกเล็กๆ ลงไปบนภาพด้วย ผมว่าผมได้รับอิทธิพลมาจากคุณภาคภูมิ มารีพิทักษ์ที่มักจะสเก็ตช์ในรูปแบบของ sketch journal ได้บันทึกทั้งรูปและข้อความ เปิดกลับมาดูอีกครั้งก็นึกเรื่องราวขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ผมชอบมากเลยครับ

หากคุณได้มีโอกาสนั่งรัานกาแฟครั้งหน้า ลองหยิบสมุดปากกาขึ้นมาสเก็ตช์สิ่งต่างๆ รอบตัวดูนะครับแล้วคุณจะชอบ ผมว่ามันเป็นวิธีการซึมซับบรรยากาศรอบตัวที่ดีอีกวิธีนึงเลยล่ะ

อุปกรณ์ที่ใช้ : ปากกา Lamy Safari EF nib, หมึก Platinum Carbon Black, สมุด Rhodia : Rhodiarama, สีน้ำ Winsor & Newton, พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush

เรียกข้าว่า ปี่เซียะ

สัปดาห์ก่อนกลับบ้านที่เชียงราย เดินเข้ามาในบ้านก็เจอสิ่งนี้วางอยู่บนโต๊ะ ผมก็ไม่รู้จักแหะว่าคืออะไรนึกว่าที่ทับกระดาษก็เลยไม่ได้สนใจ นอนเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย

web1

วันรุ่งขึ้นตื่นมาตอนเช้าเห็นวางอยู่บนโต๊ะอีกแล้วแต่คราวนี้จ้องเขม็งมาที่ผม ผมก็เลยถามแม่ว่า “แม่จ๋าแม่ๆ ไอตัวนี้มันคืออะไรครับ?” เลยได้รู้ว่าสิ่งนี้ชื่อว่า “ปี่เซียะ” เป็นวัตถุมงคลต้องมีการบูชาด้วยนะแต่ที่บ้านยังบูชากันไม่เป็นเลยเอามาวางบนโต๊ะเท่ๆ ไว้ก่อน

ผมก็เลยลองหาข้อมูลใน wiki ดูเลยได้รู้ว่าปี่เซียะนั้นเป็นสัตว์ประหลาดตามความเชื่อของจีนมาแต่โบราณ เชื่อว่า “ปี่เซียะ มีรูปร่างและเขาคล้ายกวาง แต่มีปีกคล้ายนก และมีส่วนหางคล้ายแมว เป็นสัตว์สี่ขา และเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ได้ เชื่อว่าถูกแบ่งเป็นตัวผู้ชื่อ ปี่ (貔) และ ตัวเมียชื่อ เซียะ (貅)” <- อันนี้ก็อปวิกิมาทั้งดุ้นเลย แถมยังบอกว่าปี่เซียะเป็นลูกตัวที่ 9 ของมังกร เป็นสัตว์กินเก่งแต่ไม่มีรูตูดเลยขี้ไม่ได้(เห้ย เค้าเขียนอย่างนี้จริงๆ นะไปอ่านได้) โดยปี่เซียะนั้นสื่อความหมายถึงความกล้าหาญ การปกป้องคุ้มภัยและการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งชัยชนะ …แต่กินแล้วขี้ไม่ได้นี่อ่ะนะ มันแน่นตูด? -*-

อ้อ! อย่างนี้นี่เอง อันเนื่องมาจากการที่กินแล้วไม่ขี้นี่เอง เลยมีการตีเป็นสัญลักษณ์ถึง “การพิทักษ์และคุ้มครองทรัพย์สมบัติ” ก็กินไม่ขี้ไง ทองเลยอยู่ครบในไส้เลย -..- ปัจจุบันเป็นของเคารพบูชาของนักพนันของนักเสี่ยงโชค ก็ในเมื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บเงินไง กาสิโนในจีนบางที่เลยเอามาตั้งหน้าทางเข้าเลย คือกะไม่ให้เอาเงินไปได้เลยว่างั้นเหอะ!

web2

พล่ามนานขอเข้าเรื่องสเก็ตช์หน่อย คือหยิบการะดาษโปสการ์ดแถวนั้นมาวาดด้นสดเลยแล้วก็ลงสีน้ำให้พอสวยงาม เอ้อ! ดูได้แหะ! เลยลองเอาไปวาดต่อในสมุดสเก็ตช์อีกเล่ม…กลายเป็นไม่สวยแหะ ตัวมันยาวๆ ยังไงไม่รู้ สงสัยตั้งใจเกินไปแหะ โฮฮฮฮ

อุปกรณ์: ปากกาลามี่, หมึก Platinum Carbon Black, สีน้ำ Winsor & Newton, สมุด Moleskine Sketchbook, โปสการ์ด(อันนี้นับมั้ย?)

อ่ะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://th.wikipedia.org/wiki/ปี่เซียะ